กูรูชี้ลดดอกเบี้ยไม่ดึงทุนต่างชาติ แนะกลยุทธ์เพิ่มตราสารหนี้-หุ้น Defensive
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การลดดอกเบี้ยจริงๆ แล้วไม่ใช่ปัจจัยกระตุ้นกระแสเงินทุน เพราะว่าได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนน้อยลง ผสานกับในเชิงทฤษฎีแล้วการลดดอกเบี้ยยิ่งเป็นการไล่กระแสเงินทุนออก
ในทางกลับกันการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นช่วยดึงกระแสเงินทุนมากกว่า แต่ทั้งนี้ปัจจัยกระตุ้นกระแสเงินทุนไม่ได้มาจากดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายองค์ประกอบเช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจไทย การเติบโตผลประกอบการ การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
ที่ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่า FED อาจกลับมาลดดอกเบี้ย ทำให้ Flow จะไหลกลับมาเอเชีย สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องทดสอบระดับ 32.25 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ และเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย (MTD) ซื้อสะสมสุทธิ 4.5 พันล้านบาท
ทิศทางดอกเบี้ยไทยอาจต่ำกว่าหลายๆประเทศแต่เมื่อเวลากระแสเงินไหลออกจาก Dollar มักเห็นการไหลเข้าเอเชียแต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทิศทางดอกเบี้ย ดังนั้นไทยอาจเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าแต่ก็อาจไม่เท่าต่างประเทศ ด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและดอกเบี้ย
ขณะที่ค่าเงินบาทนั้น มองว่ายังไม่น่าอ่อนค่าเร็วๆ นี้ เพราะ Dollar Index อ่อนค่าอย่างมีนัยยะ การลดดอกเบี้ยจึงไม่เป็นผลนัก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาไทยมีการเร่งส่งออกไปค่อนข้างมาก ทำให้ความต้องการเงินบาทสูง
ด้านกลยุทธ์การลงทุน มองว่าปัจจัยกระแสเงินทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ให้น้ำหนักกับทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มากกว่า ที่จะมีนัยยะต่อตลาดหุ้น ซึ่งในช่วงครึ่งหลังเศรษฐกิจไทยอาจไม่ใช่การเติบโตที่แข็งแกร่ง
ประกอบกับ SET เริ่มมี Forward PE 14 เท่า ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค จึงควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน ทั้งนี้ ด้วย Valuation เริ่มสูงก็ควรลดสัดส่วนหุ้นลง โดยเฉพาะไทย เพิ่มการลงทุนตราสารหนี้รับดอกเบี้ยขาลง
ส่วนการลงทุนทองคำนั้น มองว่าก็ควรทยอยลดน้ำหนักด้วยเช่นเดียวกัน เพราะรับกระแสข่าวเชิงบวกไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และอาจเริ่มมองหาหุ้น Defensive มากขึ้น โดยหุ้น Top Pick ของทางฝ่าย แนะนำ BDMS รวมไปถึงหุ้นปันผลสูง อย่าง SCB และ TISCO เป็นต้น