“ฉันทวิชญ์” ถกทูตสหรัฐฯ เร่งเจรจาปรับสมดุลการค้าไทย-สหรัฐฯ ชู RVC ป้องกันสวมสิทธิ์สินค้า
“ฉันทวิชญ์” ถกทูตสหรัฐฯ เร่งเจรจาปรับสมดุลการค้าไทย-สหรัฐฯ ชู RVC ป้องกันสวมสิทธิ์สินค้า
วันที่ 16 ก.ค.68 นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้หารือกับนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการการเตรียมข้อมูลเชิงลึกทั้งด้านสถิติการนำเข้า-ส่งออก การวิเคราะห์ผลกระทบ รวมถึงการจัดทำสถานการณ์จำลองเชิงนโยบาย (scenario) สนับสนุนหัวหน้าทีมเจรจา เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบให้น้อยที่สุด
นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบายด้านเศรษฐกิจและการค้าท่ามกลางบริบทการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยฝ่ายไทยได้ติดตามท่าทีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นการจัดเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้า กระทรวงพาณิชย์มีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลเพื่อสนับสนุนหัวหน้าทีมเจรจา ให้สามารถสรุปแนวทางร่วมกับสหรัฐฯ ได้โดยเร็ว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนต่างๆ ภายในประเทศ
“ทางกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชนทุกอุตสาหกรรม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปรับตัวรองรับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าไทย เพื่อให้มั่นใจว่า สินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงการใช้โอกาสดังกล่าวในการวางแผนการปรับปรุงโครงสร้างการผลิต เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในประเทศมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศ/ภูมิภาค (Regional Value Content : RVC) เพื่อวัด Local Content ให้เป็นระบบที่เชื่อถือได้ เป็นระบบเดียวกันมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกไทยไปสหรัฐฯ” นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ขอความร่วมมือจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่สหรัฐฯ ให้ความสนใจ เพื่อเป็นแนวทางในการผลักดันความร่วมมือที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญในการขยายความร่วมมือด้านต่างๆ ต่อไปในอนาคต
ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า ไทยเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯ ในหลายด้านทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการค้า และพร้อมที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ตนยังเห็นว่า กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพยายามที่จะผลักดันการเจรจาเพื่อปรับสมดุลทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ ตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ประสานงานและพิจารณาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยสนับสนุนการเจรจาของทั้งสองประเทศให้คืบหน้าต่อไป
โดยในปี 2567 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 74,484.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นตลาดส่งออกลำดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ 54,956.21 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ขณะที่สหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 4 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้า 19,528.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์