ศาลปค.สูงสุดยืนยกเลิกคำสั่งไล่ออก“ชัยวัฒน์”ปมเผาบ้านปู่คออี้
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้ยกเลิกคำสั่งไล่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกจากราชการ ในคดีเผาเพิงพักของ “ปู่คออี้” และพวก โดยชี้ว่ากระบวนการสอบสวนและการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ท. ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง แก้ต่าง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ศาลปกครองเพชรบุรี ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งถูกคำสั่งไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2564
ปมคดี “ปู่คออี้” และคำสั่งไล่ออกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ชี้มูลความผิดและมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ออกจากราชการ กรณีเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไปเผาเพิงพักของ นายโคอิ มีมิ หรือ “ปู่คออี้” ผู้นำจิตวิญญาณชาวกะเหรี่ยงบางกลอย และพวกรวม 6 ราย เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ศาลแพ่งเคยมีคำพิพากษาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าเสียหายไปก่อนหน้านี้
หลังจากถูกคำสั่งไล่ออก นายชัยวัฒน์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเพชรบุรี ซึ่งในเวลาต่อมา ศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำวินิจฉัยให้ “ทุเลาคำสั่ง” และให้นายชัยวัฒน์กลับเข้ารับราชการ
ศาลปกครองสูงสุดยืนยัน: กระบวนการสอบสวนไม่เป็นธรรม
ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด แม้จะไม่มีผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กรมอุทยานฯ หรือ ป.ป.ท. มารับฟังคำพิพากษา ศาลได้พิจารณาและมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ในประเด็นที่ว่า “การใช้อำนาจออกคำสั่งไล่ออกราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
ศาลชี้ชัดว่า การที่ ป.ป.ท. ชี้มูลความผิดในลักษณะดังกล่าว ตัวผู้ถูกกล่าวหาคือนายชัยวัฒน์ ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงหรือแก้ต่างข้อกล่าวหา ทำให้กระบวนการออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ ศาลยังระบุว่า การที่ปลัดกระทรวงฯ นำผลการชี้มูลของ ป.ป.ท. มาออกคำสั่งโดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีของนายชัยวัฒน์ ไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่โดยมีผลประโยชน์ส่วนตน แต่ศาลพิจารณาว่าการกระทำของนายชัยวัฒน์เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องในหลักการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปราม ไม่ใช่การทุจริตเพื่อหวังประโยชน์ตอบแทน
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในครั้งนี้ ถือเป็นการสิ้นสุดคดีความในส่วนของการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งไล่ออก และเป็นการยืนยันว่ากระบวนการที่นำไปสู่คำสั่งไล่ออกนายชัยวัฒน์นั้นไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง.