วธ.เผยบอร์ดภาพยนตร์ไฟเขียวงบ 845 ล้าน หนุนต่างชาติถ่ายทำในไทย
วธ.เผยบอร์ดภาพยนตร์ฯ ไฟเขียวงบ 845 ล้าน คืนเงินผู้สร้างหนังต่างชาติตามมาตรการส่งเสริมถ่ายทำในไทย เห็นชอบ Cash Rebate ทุนสร้าง 20 ล้าน รัฐอุดหนุน 15-30%
18 ส.ค.2568 นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมมีมติเห็นชอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับการคืนเงินตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) ตามที่กรมการท่องเที่ยวเสนอ โดยจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวน 7 เรื่อง วงเงินคืนรวม 845,497,771.89 บาท จากเงินลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์รวมกว่า 4,485 ล้านบาท และเห็นชอบรายชื่อเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ 6 เทศกาลเพื่อประกาศเป็นเทศกาลภาพยนตร์ระหว่างประเทศตามมาตรา 27 (4)
ปลัด วธ. กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการ Cash Rebate เพื่อส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ไทยในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และสร้างผลงานคุณภาพที่สะท้อนภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศสู่นานาชาติ โดยสนับสนุนภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ และมิวสิกวิดีโอที่มีทุนผลิตตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไปให้ได้รับเงินสนับสนุน 15% และเพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 30% หากมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น มีเนื้อหาส่งเสริมคุณค่าทางสังคมหรือวัฒนธรรม ทุนสร้างเกิน 50 ล้านบาท หรือมีการเผยแพร่ในต่างประเทศ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการจ้างผลิตดิจิทัลคอนเทนต์ในประเทศไทย โดยคืนเงิน 20% ให้แก่บริษัทต่างประเทศที่ว่าจ้างผู้ประกอบการไทยผลิตงานด้านแอนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ โดยต้องมีสัญญาจ้างขั้นต่ำ 5 ล้านบาทขึ้นไป และยื่นความประสงค์เข้าร่วมก่อนเริ่มดำเนินการ ถือเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยดึงดูดงานผลิตจากต่างประเทศเข้ามาในไทย สร้างการจ้างงานและพัฒนาทักษะบุคลากรไทยในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ดิจิทัล อย่างไรก็ตามที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้ง 2 มาตรการดังกล่าวเพื่อจัดทำรายละเอียดและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตลอดจนรับทราบความคืบหน้าในการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 และติดตามผลการบูรณาการแผนงานส่งเสริมและเผยแพร่ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ทั้งในและต่างประเทศต่อไปด้วย