รัฐบาล นำคณะทูต-สื่อ ลงพื้นที่ชี้จุดกัมพูชายิง BM-21 ถล่มปั๊ม สะท้อนหลักฐานการโจมตีพลเรือนไทยอย่างชัดเจน
รัฐบาล นำคณะทูต-สื่อ ลงพื้นที่ชี้จุดกัมพูชายิง BM-21 ถล่มปั๊ม สะท้อนหลักฐานการโจมตีพลเรือนไทยอย่างชัดเจน ย้ำไทยตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ตำบลหนองหญ้าลาด อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย ศบ.ทก. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำคณะเอกอัครราชทูต อุปทูต ทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ รวมกว่า 150 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
จุดแรกของการลงพื้นที่คือสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 (Grad) ใส่เป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจ ตัวอาคารร้านสะดวกซื้อในบริเวณดังกล่าวถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคณะผู้สังเกตการณ์จากทั้งคณะทูตและสื่อมวลชน เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุและรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่โดยตรง
ประชาชนในพื้นที่ได้แสดงความขอบคุณต่อคณะทูตและสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่เพื่อรับทราบสถานการณ์จากประสบการณ์จริง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานชัดเจนที่สะท้อนถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา โดยใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหาร ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างเสียหายรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ คณะทูตานุทูตและสื่อมวลชนจากนานาชาติได้เห็นด้วยสายตาตนเอง ถือเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่รัฐบาลไทยได้รายงานมาโดยตลอด
โอกาสนี้นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การนำคณะทูตทั้ง 23 ประเทศลงพื้นที่ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากต้นทาง โดยสื่อมวลชนจากแต่ละประเทศได้เห็นหลักฐานที่สะท้อนอย่างชัดเจนว่ากัมพูชามุ่งโจมตีพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง จึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ภายใต้กรอบขององค์การสหประชาชาติ อันเป็นการปกป้องสิทธิตามหลักสากล
“ขอย้ำว่า การดำเนินการของฝ่ายไทยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องประชาชนและอธิปไตยของชาติ การตอบโต้ของไทยเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสากล จากการโจมตีพลเรือนอย่างไร้มนุษยธรรมจากกัมพูชา” นายจิรายุ กล่าว
เวลา 14.00 น. ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านซำเม็ง ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย ศบ.ทก. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำคณะเอกอัครราชทูต อุปทูต และทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซำเม็ง
โรงพยาบาลฯ แห่งนี้ดูแลประชาชนจาก 3 หมู่บ้าน โดยเมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม ขณะเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก จึงอพยพผู้ป่วยและบุคลากรเข้าไปยังบังเกอร์ด้านหลังโรงพยาบาลฯ ก่อนปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัด เพื่อรอการอพยพเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่บางส่วนได้นำผู้ป่วยออกจากพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ชายยังอยู่ประจำเพื่อดูแลสถานที่และช่วยเหลือประชาชนที่ยังไม่สามารถอพยพได้
ต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม เกิดการปะทะกันรุนแรงในพื้นที่ จึงมีคำสั่งให้บุคลากรทั้งหมดถอนกำลังเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. มีรายงานแจ้งว่าตัวโรงพยาบาลถูกกระสุนโจมตี ทำให้ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ได้รับความเสียหาย โดยโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ ไม่ควรถูกใช้เป็นเป้าหมายในการโจมตี
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกยิงใส่สถานพยาบาล ทั้งที่ด้านหลังของโรงพยาบาลยังเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีเด็กเล็กอยู่ 30 คน พร้อมครูดูแลอีก 5 คน การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
ด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านซำเม็ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระหว่างสถานการณ์ตึงเครียด ได้มีการลาดตระเวนเฝ้าระวังตลอดเวลา โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นสถานที่ดูแลสุขภาพของพี่น้องในหมู่บ้าน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตี และขอขอบคุณคณะทูตและสื่อมวลชนที่เดินทางมาสำรวจพื้นที่จริง เห็นกับตาถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา
ที่มา : www.thaigov.go.th