MFC เตือนระวังนโยบายทรัมป์เซอร์ไพรส์ แนะกระจายพอร์ตลงทุน ชูกองทุน MGALL

นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มองค่อนข้างบวกกับภาวะเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกน่าจะยังบวกได้ อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงอาจจะค่อยๆ เบาบางลง

“ก่อนหน้านี้มีประเด็นภาษีทรัมป์ ช่วงเดือน เม.ย.2568 ประกาศอัตราภาษีสูงมาก ทำให้ตลาดปรับตัวลงแรงมาก แต่พอมีท่าทีที่เหมือนจะเจรจากับจีนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.-พ.ค.2568 ทําให้ตลาดเริ่มไต่ขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้น สะท้อนตลาดคาดหวังไว้แล้วว่าภาษีจะไม่ได้สูงเท่าที่ประกาศไว้ตอนแรก พอวันที่ 1 ส.ค.2568 อัตราภาษีมีความชัดเจนเกือบทุกประเทศ ซึ่งต่ำกว่าที่ประกาศไว้ ตลาดได้ price in ราคาที่ปรับขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว” นายเชาวน์กร กล่าว

ดังนั้นในช่วงตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.2568 มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีอัพไซด์จำกัด เนื่องจากค่อนข้างแพง Valuation ค่อนข้างตึงตัว ขณะที่ Emerging Market โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียยังพอมีอัพไซด์ และ Valuation ค่อนข้างถูกกว่า รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาแล้ว 50-60 จุด มองว่าปลายปี 2568 ดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,300 จุด จากปัจจัยภาษีนำเข้าสหรัฐฯ มีความชัดเจน และ Fund Flow ต่างชาติ ในเดือน ก.ค.2568 พลิกมาเป็นซื้อสุทธิ หลังจากต่างชาติขายสุทธิมาต่อเนื่อง 11 เดือน และตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.2568 ต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 4,500 ล้านบาท

ขณะที่มองตลาดหุ้นไทยมีดาวน์ไซด์จำกัด แนวรับที่ 1,200 จุด โดยหุ้นไทยมีการจ่ายเงินปันผลที่ดี โดยเฉพาะหุ้น SET50 ที่ Earning ไม่ติดลบ และจ่ายเงินปันผลดี เฉลี่ย 4-6% ขณะที่เชื่อว่าจะไม่มีแรงกดดันจากการขายกองทุน LTF หลังจากมีการขายมาต่อเนื่อง ปัจจุบันเหลือประมาณ 100,000 ล้านบาท จากต้นปี 2568 อยู่ที่ 180,000 ล้านบาท ส่วนปัจจัยการเมือง หากมีการเปลี่ยนแปลง ตลาดมองเป็นข่าวดี

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายปี 2569 จะผ่านสภาฯ ได้หรือไม่ และการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13 ส.ค.2568 และจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปี 2568 ส่วนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

โดยกลยุทธ์การลงทุน หุ้นไทย แนะนำหุ้นที่มีงบไตรมาส 3/2568 เป็นไฮซีซั่น เช่น กลุ่มค้าปลีก ที่คาดได้รับอานิสงส์จากงบประมาณปี 2569 กลุ่มไฟแนนซ์ ที่คาดว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบายช่วงไตรมาส 4/2568 และกลุ่มส่งออก ที่จะมีบาง Sector ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก หลังภาษีนำเข้าสหรัฐฯ มีความชัดเจน

ขณะเดียวกัน จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก Global Bond ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังอยู่ในตำแหน่งไปอีกกว่า 3 ปี ซึ่งทำให้ตลาดมีความไม่แน่นอน ดังนั้นแนะนำให้จัดพอร์ตให้มีความสมดุล กระจายในสินทรัพย์หลากหลายประเภท

สำหรับกองทุนหุ้นโลก แนะนำ Selective ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับ AI ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย กระจายตัวได้ดีกว่า โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มองว่าตลาดหุ้นเอเชีย มีอัพไซด์มากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ

โดยแนะนำกองทุนหุ้นจีน โดยเฉพาะ China Tech และ China AI ราคาจะยัง Laggard ส่วนอินเดีย เศรษฐกิจเติบโตชัดเจน รายได้ต่อหัวยังไม่มาก โอกาสเติบโตยังมีอีกมาก แม้ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งตลาด price in ไปแล้ว และการเจรจายังไม่จบ

ขณะที่เวียดนาม ระยะสั้นตลาดหุ้นปรับขึ้นร้อนแรง และมีการใช้มาร์จิ้นในสัดส่วนที่สูง แนะนำนักลงทุนระยะยาวรอให้ตลาดปรับลงมาระดับ 1,500 จุด สามารถลงทุนได้

ขณะเดียวกัน ทองคำ เป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุน รองรับกับความไม่แน่นอนของประธานาธิบดีทรัมป์ และดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากนี้ การลงทุนอีกประเภทที่น่าสนใจ คือ กองทุนที่มีกระแสเงินสดจ่ายสม่ำเสมอ เช่น MUSPIN

“เน้นเรื่องของการกระจายพอร์ตให้ดี ความสมดุลของสินทรัพย์ ในพอร์ต โดยควรจะเกลี่ยออกมาพวกตราสารหนี้บ้าง สัดส่วนตราสารทุน 50% ตราสารหนี้ 50% ถ้าเราไปบู๊หุ้นเยอะเกินไป 70-80% ก็ทําให้พอร์ตผันผวนโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทั้งเรื่องนโยบายของทรัมป์ และ Geopolitics ที่ยังมีออกมาเรื่อยๆ” นายเชาวน์กร กล่าว

ทั้งนี้ MFC ได้ออก 2 กองทุนใหม่ คือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สตราทีจิค อัลโลเคชัน Hedged (MGALL-H) ซึ่งมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สตราทีจิค อัลโลเคชัน Unhedged (MGALL-UH) ซึ่งไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

จุดเด่นของกองทุนนี้ กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก ผ่านการลงทุนในกองทุน SPDR® Bridgewater® All Weather® ETF (ALLW) ที่ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่น และสามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่หลากหลาย

กองทุน MGALL-H และ MGALL-UH มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก SPDR® Bridgewater® All Weather® ETF โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งกองทุนหลักบริหารและจัดการโดย SSGA Funds Management กองทุนหลักมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก ได้แก่ หุ้นทั่วโลก, พันธบัตร, พันธบัตรที่เชื่อมโยงกับเงินเฟ้อ (Inflation-Linked Bonds), ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์

โดยจัดสรรสินทรัพย์ตาม Model Portfolio ที่จัดทำโดย Bridgewater Associates, LP ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทการลงทุนชั้นนำของโลก Model Portfolio ออกแบบมาเพื่อให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมมีความยืดหยุ่นต่อภาวะตลาด และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย

ทั้งนี้ กองทุนหลักสามารถลงทุนทั้งสถานะซื้อและสถานะขาย (Long and Short) ในสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งทางตรงและ/หรือผ่านตราสารอนุพันธ์ โดยไม่ได้จำกัดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์

สำหรับกองทุน MGALL-H และ MGALL-UH มีความเสี่ยงระดับ 5 เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 4-15 ส.ค.2568 เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท