“เกาหลีใต้” คาดเศรษฐกิจปี 68 โตเพียง 0.9% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2563 พิษภาษีสหรัฐ
เกาหลีใต้ ประเมินเศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัวเพียง 0.9% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2563 สะท้อนแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่ฉุดการค้า ขณะเดียวกันยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 12.00 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกจะขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจหดตัวเพราะโควิด-19 ในปี 2563 ตัวเลขนี้แม้สูงกว่าคาดการณ์ของ ธนาคารกลางเกาหลี (BOK) เล็กน้อยที่ 0.8% แต่ก็สะท้อนถึงแรงกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่อาจฉุดการค้าในช่วงต่อไป
ในครึ่งปีแรก การส่งออกของเกาหลียังประคองตัวได้จากการเร่งส่งออกล่วงหน้าก่อนสหรัฐ จะเก็บภาษีสูงขึ้น แต่หลังจากมีข้อตกลงการค้ากับวอชิงตันเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ยอดส่งออกเริ่มชะลอตัว ข้อมูล 20 วันแรกของเดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นว่าการส่งออกไปสหรัฐ ลดลง 2.7% เทียบกับเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้น 1.4%
การคาดการณ์นี้ตอกย้ำภาวะเปราะบางของเศรษฐกิจใหญ่อันดับสี่ของเอเชีย ซึ่งยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤตการเมืองครั้งรุนแรง หลังความล้มเหลวของอดีตประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ในการพยายามประกาศกฎอัยการศึก ทั้งนี้เกาหลีใต้เป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ และเทคโนโลยีขั้นสูง จึงมีนัยสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจโลก
ทางการเกาหลีใต้ ระบุว่า ยังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มหากจำเป็น นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นต่างกันว่าธนาคารกลางจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28 ส.ค. หรือไม่ แต่ผู้ว่าการ รี ชางยง เคยระบุว่ากรรมการ 4 คนมีความเห็นเปิดรับการปรับลดอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในด้านการคลัง รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ งบประมาณเพิ่มเติม 31.8 ล้านล้านวอน หรือราว 2.33 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจจากแรงกดดันด้านการค้า และสัปดาห์นี้รัฐบาลยังประกาศ แพ็คเกจสนับสนุน 45.8 ล้านล้านวอน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน
เกาหลีใต้ยังคงพึ่งพาการส่งออกสูง ทำให้เสี่ยงต่อกระแสกีดกันทางการค้าในต่างประเทศ อีกทั้งยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างภายใน เช่น การก่อสร้างที่ซบเซาและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ยุน อินแด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “เป้าหมายหลักของรัฐบาลชุดปัจจุบันคือการยกระดับอัตราการเติบโตที่ศักยภาพ ซึ่งไม่มีทางถอยหลัง”
เศรษฐกิจเกาหลีใต้กลับมาขยายตัวในไตรมาส 2 หลังหดตัวเล็กน้อยในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต 0.9% ทั้งปี ผลผลิตในครึ่งปีหลังต้องขยายตัวเฉลี่ยระดับ 1% กลาง ๆ ซึ่งรัฐบาลเองก็ยอมรับว่ายากจะทำได้
นอกจากนี้รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันให้เกาหลีใต้เข้าร่วมดัชนีตลาดพัฒนาแล้วของ MSCI Inc. ภายในสมัยของประธานาธิบดี อี แจมยอง โดยมีแผนงานปรับปรุงตลาดเงินและตลาดทุนที่จะประกาศสิ้นปีนี้
ในด้านแรงงาน การจ้างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในปีนี้ โดยภาคบริการยังเติบโตชดเชยการหดตัวของการก่อสร้างและการผลิต อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง เนื่องจากราคาพลังงานลดลง แต่รัฐบาลเตือนว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจทำให้ราคากลับมาพุ่งได้อีก
บัญชีเดินสะพัดของประเทศคาดว่าจะเกินดุล 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ สูงกว่าที่คาดการณ์เดิมที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ จากต้นทุนการนำเข้าที่ลดลงเพราะราคาน้ำมันถูกลง ก่อนจะกลับมาแคบลงเหลือ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2569 ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะโต 1.3% โดยได้รับแรงหนุนจากงบประมาณเพิ่มเติมและการลดดอกเบี้ย แต่หนี้ครัวเรือนยังเป็นปัจจัยถ่วง
ในระยะยาว รัฐบาลอี แจมยอง ได้ประกาศแผนการคลัง 210 ล้านล้านวอน สำหรับปี 2569–2573 ครอบคลุมการลงทุนด้านนวัตกรรม การเติบโตทางเศรษฐกิจ สวัสดิการสังคม และนโยบายต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพ สุขภาพ และการป้องกันประเทศ ตั้งเป้ายกระดับอัตราการเติบโตศักยภาพของเกาหลีใต้ให้แตะ 3% ในช่วงเวลาดังกล่าว
อ้างอิง : www.bloomberg.com