DSI เผยคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหา 100 ราย
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีอั้งยี่-ฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยระบุว่าการสอบสวนมีความคืบหน้าแล้ว 60-70% และเตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาลอตแรกประมาณ 100 ราย
ในการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 ที่สำนักงาน ดีเอสไอ ถนนแจ้งวัฒนะ ได้รายงานตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลภายในขบวนการจัดฮั้ว พบการโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู รวมถึงเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับสมาชิกวุฒิสภา 24 จังหวัด
พยานหลักฐานพบการรับเงินก้อนใหญ่ช่วงเลือกตั้ง
จากการสอบปากคำพยาน 90 ราย ทำให้เห็นพฤติการณ์ของการรับเงินก้อนใหญ่ในช่วงเลือกตั้ง การโหวตตามโพยที่กำหนด และการกระจายเงินไปยังบุคคลหลายสิบเส้นทางใน 30 จังหวัด แม้พยานส่วนใหญ่จะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่เส้นทางการเงินแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้ง
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า "ช่วงเลือกตั้งไม่มีเหตุผลที่จะมีการรับโอนเงินก้อนใหญ่ หรือเงินกระจายไปยังบุคคลอื่นหลายสิบเส้น และบุคคลเหล่านั้นก็ไปสมัครสมาชิกวุฒิสภาในช่วงนั้น แล้วก็มีการเลือกคนที่อยู่ในโพย"
เส้นเงินเชื่อมโยงถึงกลุ่มใกล้ชิดกรรมการบริหารพรรค
การสอบสวนยังพบหลักฐานเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองท้องถิ่นและกลุ่มคนใกล้ชิดของกรรมการบริหารพรรคการเมือง แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับกรรมการบริหารพรรคโดยตรง พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่าพบเส้นเงินโยงขบวนการจัดฮั้วแต่ขอสงวนรายละเอียดไว้ก่อน
สำนักงาน ปปง. ได้ให้ความชัดเจนว่าพฤติกรรมการเตรียมเงินและจ่ายเงินให้กับหัวคะแนนหรือโหวตเตอร์ที่สนับสนุนการกระทำความผิดถือเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
เร่งดำเนินคดีคาดเสร็จใน 1 เดือน
พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่าเมื่อสอบสวนพยานลอตถัดไป (กลุ่มที่ปรึกษาของ สว.) เสร็จสิ้น คาดว่าภายใน 1 เดือนจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น และอาจเป็นขั้นตอนเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาได้เลย
สำหรับเป้าหมายผู้ที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดนั้น เมื่อรวมกับคดีของ กกต. อาจมีประมาณหลักร้อยคน โดยจะต้องพิจารณาเป็นรายไปว่าบุคคลใดเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน
คดีนี้ดำเนินการแยกต่างหากจากคดีฮั้ว สว. ที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต. แต่สามารถสนับสนุนเอื้อซึ่งกันและกันในด้านพยานหลักฐาน