ศูนย์สิริกิติ์ฯ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม เสริมบริการครบวงจรย้ำผู้นำอาเซียน
นายแพทย์กฤษณ์ จาฏามระ ผู้ก่อตั้งศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านมและมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ (ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ศูนย์สิริกิติ์บรมราชนีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม ถือเป็นหน่วยงานเฉพาะทางที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศในด้านการให้บริการผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแบบครบวงจร โดยมีทั้งการตรวจคัดกรอง รักษา และดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้าย
ขณะเดียวกันศูนย์ยังเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์ โดยขยายบริการใหม่ อาทิ ห้องปฏิบัติการระบบภูมิคุ้มกันที่ทันสมัย ห้องให้เคมีบำบัดที่มีมาตรฐานสูง รวมถึงศูนย์อบรมและวิจัยทางการแพทย์ที่ดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และสภากาชาดไทย เพื่อรองรับการรักษาแบบเฉพาะบุคคล และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
นอกจากภารกิจด้านการรักษา ศูนย์สิริกิติ์ฯ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษาและสร้างความตระหนักรู้ในสังคม ผ่านโครงการเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพในชุมชนแออัด เช่น การให้ความรู้เรื่องมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มผู้ที่เข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ยาก พร้อมทั้งจัดกิจกรรมระดมทุน เช่น โครงการเดิน-วิ่งการกุศล เพื่อนำรายได้สมทบทุนการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการบ้านพิงพัก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คอยดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ขาดโอกาสในการรักษา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 121 ไร่ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วย
1. สถานดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย (Hospice Centre)
2. บ้านพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยที่กำลังทำการรักษา (Convalescence Centre)
3. ศูนย์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม (Breast Cancer Care Centre)
4.ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรม (Learning & Training Centre)
5. ศูนย์วิจัยและศูนย์วินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านม (Diagnostic Centre) นั้น
ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ เริ่มดูแลผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดอย่างเป็นทางการได้ภายในปีนี้
“โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในภารกิจเชิงมนุษยธรรมที่ศูนย์ฯ ดำเนินการต่อเนื่อง โดยออกแบบบ้านพักพิงให้มีบรรยากาศเหมือนบ้าน พร้อมระบบดูแลสุขภาพที่ปลอดภัย ทันสมัย และมีทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครประจำตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลในระดับมาตรฐานสากล โดยไม่ถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในช่วงสุดท้ายของชีวิต
แนวคิดของโครงการนี้จึงไม่ใช่แค่การให้ที่พัก แต่เป็นการสร้างที่พึ่งสุดท้ายให้กับคนที่ไม่มีใคร เพื่อให้เขาได้รับการดูแลทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความรู้สึกว่าตนไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะเราต้องการให้ทุกชีวิตจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี และไม่เป็นภาระของใคร”
ศูนย์ฯ ยังคงรักษาหลักการให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยที่ยากจน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่มีกำลังจ่ายสามารถเข้ารับบริการได้ในรูปแบบสมทบทุนโดยรายได้จากกลุ่มผู้มีทุนทรัพย์จะถูกนำไปใช้สนับสนุนการรักษาฟรีแก่ผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้ระบบสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน ล่าสุดศูนย์ฯ ได้กิจกรรม PINKPARK RUN 2025” (ครั้งที่ 4) เพื่อจัดหารายได้สบทบทุนการก่อสร้างและการดำเนินงาน โครงการบ้านพิงพัก ขึ้นในวันที่ 5 ต.ค. นี้ด้วย
นายแพทย์กฤษณ์ กล่าวอีกว่า แผนการพัฒนาระยะยาว ศูนย์ฯ ตั้งเป้าเป็นศูนย์รักษามะเร็งเต้านมชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน โดยจะเร่งรัดการลงทุนด้านบุคลากร เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยยึดหลักการ “เข้าถึงได้ ดูแลได้ และรักษาได้จริง”
“เราต้องการให้ศูนย์สิริกิติ์ฯ เป็นศูนย์กลางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดในอาเซียน ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่รวมถึงความเป็นมนุษย์ที่ระบบสุขภาพต้องมอบให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,120 วันที่ 7 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568