ความยากลำบากอาจเป็นส่วนหนึ่งของหนทางสู่เส้นชัย เรียนรู้วิธีการ ‘สู้’ ผ่าน 5 ตัวละครนักสู้
ปลายปีค่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกที น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ใครๆ ก็เริ่ม ‘หมดแรง’ การเดินทางไกลตลอดปีที่วุ่นวายนี้ดูดพลังใจเราได้อย่างมาก อาจจะในแง่มุมสังคม การงาน การเมือง หรือแม้แต่ตัวตน
การต่อสู้ระหว่างทางของเราแม้จะเห็นชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ มาตลอดทาง แต่ว่าหลายๆ อย่างก็ทำเอาเราท้อได้หากเรามองไม่เห็นปลายทางเสียที ตัวอย่างเช่น งานที่ทำอยู่จะพาเราไปไหนแน่ บางทีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในอดีตดูเหมือนวิวัฒนาการย้อนกลับ หรือมุมมองบางอย่างของสังคมก็ทำให้เราคิดว่าเรายังต้องพัฒนากันไปอีกไกล
เราจะสู้ต่อไปยังไงดี ไทยรัฐพลัสขอให้ลองหยุดสักนิด แล้วมาลองหันไปดู ‘วิธีการสู้’ ของตัวละครเหล่านี้ที่อาจจะมอบหนทางใหม่ๆ เป็นแรงบันดาลใจให้เราเดินต่อไปได้
วอลเตอร์ มิตตี้
The Secret Life of Walter Mitty
สู้อะไรไม่เท่าสู้กับคอมฟอร์ตโซน
การทำงานรูทีนเป็นเวลานานๆ มักพาให้ใจเราหาที่ไป บางคนพยายามมองภาพอนาคตอันสดใสของตัวเองเพื่อให้วันต่อวันผ่านไปได้ บางคนมองเห็นของที่อยากได้ตอนปลายเดือน ส่วนในกรณีของวอลเตอร์ มิตตี้ ผู้ดูแลฟิล์มเนกาทีฟให้กับนิตยสาร LIFE เขาหลบหนีงานประจำวันด้วยการไปอาศัยอยู่ในจินตนาการของตัวเองอยู่เสมอ ฝันกลางวันของเขาพาเขาไปคุยกับหญิงที่เขาแอบหลงรัก ทำตัวเป็นวีรบุรุษ หรือไปผจญภัยในพื้นที่อันตราย
แต่เหตุการณ์เกินจินตนาการพุ่งเข้าชนชีวิตของเขาอย่างจัง นั่นคือฟิล์มหมายเลข 25 หายไป โดยฟิล์มดังกล่าวคือภาพที่จะต้องกลายเป็นปกของนิตยสาร LIFE ฉบับสุดท้าย การหายไปนี้พาให้มิตตี้ต้องออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เผชิญสิ่งที่เขาเคยแต่วาดฝันไว้ในหัวจริงๆ
แม้จะผจญภัยอันตรายมากมาย แต่การต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของมิตตี้คือการต่อสู้กับพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง มิตตี้ตามหารูปถ่ายผ่านการโทรตามและเอกสาร ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองยังสามารถอยู่ในลูปเดิมๆ และฝันต่อไปได้
ในขณะที่ฝันกลางวันอันเป็นเรื่องเป็นราวของเขานั้นน่าตื่นตาเสมอ แต่ว่าฝันดังกล่าวนั่นเองคือสิ่งที่ดึงเขาไว้ไม่ให้ออกไปใช้ชีวิตที่เขามีอยู่จริงๆ
สันติ
สงครามส่งด่วน
ความต้องมีกินมีใช้ผลักให้คนธรรมดาสู้กับนายทุน (ด้วยทุนนิยม)
การเกิดมาในตำแหน่งล่างสุดของห่วงโซ่อาหารทำให้คนคนหนึ่งมีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนแบบอื่นๆ สันติ ตัวละครเอกของซีรีส์สงครามส่งด่วนคือคนแบบนั้น เขาเกิดบนดอยในบ้านที่ยากไร้ เขาออกมาทำงานหลากหลายอย่างที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นขายหมอน เป็นไกด์ด้วยความสามารถภาษาจีน ไปจนถึงขายห้องคอนโด ไม่มีโอกาสไหนที่สันติไม่จับไว้
แต่เหตุการณ์ตลบหลังบางอย่างเกิดขึ้นทำให้สันติตัดสินใจเปิดสตาร์ทอัปขนส่งเอกชนของตัวเองชื่อ Thunder Express การต่อสู้ขอสันติดำเนินไปด้วยความต้องการจะมีกินมีใช้ ความเคียดแค้นนายทุนคู่แข่งที่หักหลังเขา เทคนิกการต่อสู้ของสันติไม่ต่างจากสุนัจนตรอกที่ต้องการทวงคืนความยุติธรรม ลุยไปข้างหน้า กล้าได้กล้าเสีย และมองเห็นความเป็นไปได้ในทุกจังหวะ แม้วันที่ยากเข็ญที่สุด
สันติเป็นเครื่องหมายว่าแม้แต่คนที่ไม่มีอะไรเลยก็สามารถโค่นยักษ์ได้ แต่ก็ต้องติดดอกจันเล็กๆ เอาไว้ว่าที่สันติทำได้ก็เพราะว่าเขาบิดใช้ระบบและแนวคิดทุนนิยมเป็นเครื่องมือต่อสู้ ในทางหนึ่งมันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่การสยบยอมต่อแรงดึงดูดของทุนนิยมคือหนทางเดียวที่หลายๆ คนจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ แต่ในขณะเดียวกันการต่อสู้ของสันตินั้นก็เป็นแรงบันดาลใจที่บอกกับเราว่าแม้จะเป็นคนชายขอบในระบอบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกลืนกินเรา เรายังสามารถเอาชีวิตรอดจากมันได้
แอนดรูว์ นีแมน
Whiplash
เพื่อความยิ่งใหญ่ จะสู้แม้ให้ความหมกมุ่นครอบงำ
ความอยากเป็น ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ มาพร้อมกับการเป็นศิลปินอยู่บ่อยๆ เราอาจจะทำงานศิลปะเพราะหลายปัจจัย เช่น หาเงินเพื่อกินเพื่อใช้ ทำงานเพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนบางกลุ่ม เพื่อชุบชูหัวใจของคนบางคน ฯลฯ แต่ภาพฝันของการที่งานของเราจะสำคัญต่อโลกมากพอจะจารึกเราเข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์อาจเป็นเป้าหมายสูงสุดของศิลปินจำนวนมาก
แอนดรูว์ นีแมน เข้าเรียนที่โรงเรียนดนตรีแชฟเฟอร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีหัวแถวของสหรัฐอเมริกาในหนังเรื่องนี้ การเรียนที่นี่นำเขาไปพบกับเฟลตเชอร์ ผู้ฝึกสอนผู้มีวิธีการ ‘ผลักดัน’ นักเรียนอย่างหฤโหด เช่น การใช้วาจาด่าทออย่างไม่มีขอบเขต การกดดันและการทำโทษที่เหี้ยมเกรียม ไปจนถึงการขว้างปาสิ่งของที่อาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้ และแม้จะเป็นคนฝีมือดีและมีความทะเยอทะยาน นีแมนก็ยังถูกกดดันจากเฟลตเชอร์อย่างรุนแรงกว่าใครเพื่อน (จริงๆ อาจจะโดนอย่างนั้นก็เพราะเห็นฝีมือนี่แหละ)
การโขกสับอันรุนแรงของเฟลตเชอร์แทบจะข้ามเส้นไปใกล้เคียงกับการกดขี่ข่มเหง แต่นีแมนยอมทนรับวิธีสุดโหดของเฟลตเชอร์เสมอ เพราะลึกๆ แล้วเขาเชื่อว่าด้วยวิธีการสอนที่แทบจะเหนือมนุษย์ของเฟลตเชอร์นี้จะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นเพชรเม็ดงามได้ แก่นใจกลางเรื่องราวของ Whiplash คือการตั้งคำถามว่าการจะยิ่งใหญ่ได้เราจำต้องสู้กับอะไรและเอาอะไรไปแลกมา
ในฉากสุดท้ายของเรื่องศิษย์และอาจารย์ปะทะกันอย่างตึงเครียดบนเวที ความบาดหมางต่อกันของทั้งคู่ดูไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ด้วยการสู้เฮือกสุดท้าย นีแมนสะกดใจเฟลตเชอร์ด้วยโซโล่กลองของเขา แม้จะเกลียดกัน สองสิ่งที่ทั้งคู่ต่างโหยหาคือการเติมเต็มอีโก้ของตัวเองผ่านความหมกมุ่นในดนตรี
เมื่อโน๊ตสุดท้ายถูกบรรเลง ผู้ชมต่างไม่รู้จะรู้สึกยังไง จะดีใจไปกับนีแมนใน ‘ชัยชนะ’ หลังการต่อสู้ตลอดเรื่อง หรือว่าจะขนลุกเกรียวไปกับพลังอำนาจของความหมกมุ่นต่อศิลปะ ที่ทำให้คนผู้ผ่านอะไรมาเยอะอย่างนีแมนยังต้องหาการยอมรับจากเฟลตเชอร์อยู่ดี
การต่อสู้บางอย่างไม่ได้จบลงที่ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ที่ชัดเจน บางครั้งมันอึนมึนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองสิ่งนั้น
เอเวอลีน หวัง
Everything Everywhere All At Once
สู้ในฐานะแม่ เมีย ลูก และผู้หญิงเอเชียพลัดถิ่นคนหนึ่ง
แบกธุรกิจซักรีดของที่บ้านไม่ให้ล้มละลาย พยายามพยุงความสัมพันธ์อันโรยรากับสามีจนมาถึงวันที่เกิดทางตัน พร้อมกับรับมือพ่อที่คาดหวังกับตัวเลือกในชีวิตเธอ และลูกสาวเลสเบี้ยนที่ต้องการการยอมรับ พวกเขาจึงพร้อมแตกหักได้ทุกเมื่อ
ปัญหาชีวิตเพียงเท่านี้ก็ทำให้ ‘เอเวอลีน หวัง’ ต้องเป็น ‘ซูเปอร์วูแมน’ ที่จัดการปัญหาชีวิตในแต่ละวันมากพออยู่แล้ว ในฐานะ ‘ผู้หญิงเอเชียพลัดถิ่น’ ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่มีอะไรเป็นใจให้เธอได้ใช้ชีวิตสวยงามได้เลย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบเสร็จและเอกสารภาษีเต็มโต๊ะที่ต้องรีบจัดการก่อนมรดกของครอบครัวจะถูกปิด ยังไม่นับว่าการเป็น ‘ผู้หญิงเอเชีย’ ต้องแบกรับและวนเวียนอยู่กับวิธีคิดอันกดดัน ทำให้เธอต้องจมปลักอยู่กับความกลัวที่จะผิดพลาดในชีวิตเธอเองและคนอื่น ส่งผลให้เกิดการส่งต่อวัฒนธรรมเอเชียอันเข้มงวดไปสู่ลูก
ราวกับว่าปัญหาเหล่านี้ยังไม่หนักหนามากพอ จักรวาลจึงดลบันดาลให้เธอพบว่า ยังมีเอเวอลีนและเรื่องราวอีกมากมายในจักรวาลคู่ขนานที่ดำเนินไปพร้อมกัน โดยปัญหาอยู่ที่ว่าเหล่ามัลติเวิร์สเหล่านั้นกำลังเจอมหันตภัยระดับทำลายล้าง มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะกอบกู้โลกได้
ไม่มีอะไรที่หลบเลี่ยงได้ ต่อให้ผลักไสความรับผิดชอบนี้ออกจากตัวก็หนีไม่พ้น ทางเลือกเดียวคือเอเวอลีนต้องงัดทุกสิ่งที่มีออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ แม้จะดูแฟนตาซีเหนือจริง แต่การต่อสู้ในจักรวาลคู่ขนานเหล่านี้ก็เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ในชีวิตจริงของเธอ เพราะการกระโดดข้ามไปยังโลกคู่ขนานที่มีมิติชีวิตต่างกันทำให้เธอเห็น ‘แง่มุมอื่นๆ’ ในสิ่งที่เธอกำลังต่อสู้กับชีวิตจริงอยู่
บางครั้งที่เราจมอยู่กับปัญหามากๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าวันๆ ต้องต่อสู้อยู่กับอะไรบ้าง แล้วเมื่อมันทับถมจนกลายเป็นอคติก็ยิ่งทำให้เราห่างไกลจากความสัมพันธ์ในครอบครัว กระทั่งวันหนึ่งที่เหตุการณ์มันพลิกผันการงัดเอาทุกสิ่งที่เราพอจะทำได้ออกมาลงมือทำก็คือการเรียนรู้ไปด้วยว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะได้พบคืออะไร
แคตนิส เอฟเวอร์ดีน
The Hunger Games
การสู้เพื่อปกป้องคนในครอบครัว คือการสู้กับระบบกดขี่
แคตนิส เอฟเวอร์ดีนไม่ใช่นักต่อต้านตั้งแต่แรกเริ่ม แม้เธอจะรู้ดีว่าระบบกดขี่แบบเผด็จการของประธานาธิบดีสโนว์และแคปปิตอลสร้างความเสียหายต่อเขตอื่นๆ ในพาเน็มอย่างไร แต่ความกลัวไม่มีจะกินปกคลุมความกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำให้ชีวิตยุ่งเหยิง เพราะแทบนึกไม่ออกว่าเด็กสาวอายุ 17 จะต่อกรกับอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้
แต่ต่อให้เธออยู่เฉยๆ อำนาจของเผด็จการก็รุกรานชีวิตของแคตนิสอยู่ดี เมื่อฤดูการเก็บเกี่ยวและการแข่งขันฮังเกอร์เกมส์มาถึง พริมโรส เอฟเวอร์ดีน น้องสาวของเธอถูกขานชื่อให้เข้าร่วมแข่งขัน แคตนิสจึงตะโกนอาสาทำแทน และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ครอบครัวเอฟเวอร์ดีนและคนทั่วพาเน็มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
การเล่นเกมในสนามของแคตนิสสื่อให้เห็นถึง ‘การร่วมมือ’ ระหว่างผู้เล่นด้วยกันเพื่อต่อสู้และเอาชนะกับ ‘ศัตรูที่แท้จริง’ ไม่ใช่การเล่นตามเกมกับมือที่มองไม่เห็น ซึ่งควบคุมกติกาตามใจ และเป็นสาเหตุของการกดขี่ที่แท้จริง
การต่อสู้ของแคตนิสจึงเป็นการต่อต้านระบบเผด็จการที่ครอบงำประเทศเอาไว้ ระบบที่สร้างกลไกให้ประชาชนแตกออกเป็นฝ่ายสนับสนุนแคปปิตอลและฝ่ายต่อต้านแคปปิตอล ซึ่งกลายเป็นการส่งเสริมให้ประธานาธิบดีใช้อำนาจได้อย่างแนบแน่น การเลือกสู้ของแคตนิสจึงไม่ใช่แค่การปกป้องสมาชิกในครอบครัว หรือบ้านเกิดตัวเอง แต่เป็นการสู้กับระบบกดขี่ และต่อต้านคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีอำนาจควบคุมคนและทรัพยากรจำนวนมาก
บทความต้นฉบับได้ที่ : ความยากลำบากอาจเป็นส่วนหนึ่งของหนทางสู่เส้นชัย เรียนรู้วิธีการ ‘สู้’ ผ่าน 5 ตัวละครนักสู้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อสังคมวิพากษ์วิจารณ์โฆษกหญิงของไทย-กัมพูชา ทำไมเรื่องราวเบื้องหลังถึงสำคัญกว่าบทบาทหน้าที่จริง
- “Telling China’s Story Well” ประเทศจีนกลัวอะไรในงานศิลปะ?
- Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [4-8 ส.ค. 68]
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath