โอนที่ให้ลูก แต่ลูกคนอื่นไม่ยอม ป้องกันมรดกเลือดด้วย "ใบรับรองสติ"
ใบรับรองสติ หรือ ใบรับรองสติสัมปชัญญะ คืออะไร ทำที่ไหน ก่อนโอนที่ดิน/ทรัพย์สินให้ลูกคนใดคนหนึ่งทำควรเพื่อป้องกันรอยร้าวในครอบครัว
อีกหนึ่งปัญหาสุดคลาสสิกของสังคมไทย กรณี พ่อแม่ต้องการโอนที่ดินหรือทรัพย์สินให้ลูกบางคน อาจเพราะลูกคนนั้นเป็นคนดูแลใกล้ชิด รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือมีเหตุผลส่วนตัว "อยากยกให้คนนี้" แต่สิ่งที่ตามมาคือ ลูกคนอื่นไม่พอใจ และอาจใช้ช่องทางกฎหมายฟ้องร้องเพิกถอนการโอน ด้วยข้ออ้างว่า
• พ่อแม่ขณะนั้น "ไม่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์"
• หรือ "ถูกบังคับ ข่มขู่ หลอกลวง"
กรณีเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้พ่อแม่ที่ตั้งใจทำตามเจตนาของตนเองเสียใจ แต่ยังสร้างรอยร้าวในครอบครัว และอาจทำให้ทรัพย์สินต้องเข้าสู่การต่อสู้ในศาล ซึ่งยืดเยื้อและบั่นทอนความสัมพันธ์
หนึ่งในวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหานี้คือ การขอ "ใบรับรองสติสัมปชัญญะ" จากแพทย์ ก่อนการโอนทรัพย์สิน เพื่อยืนยันว่าผู้โอนยังมีความสามารถทางจิตใจและกฎหมายครบถ้วน
ทำไมต้องมีใบรับรองสติ?
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150
"การใดๆ อันมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือเป็นการพ้นวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ย่อมเป็นโมฆะ"
และในกรณีของผู้ทำสัญญาหรือโอนทรัพย์สิน หากขณะนั้น ไม่มีสติสัมปชัญญะ หรือไม่เข้าใจผลของการกระทำ สัญญาหรือการโอนอาจถูกตีความว่าเป็นโมฆะได้
ดังนั้น หากลูกคนอื่นต้องการโต้แย้งการโอนที่ดิน ก็สามารถใช้เหตุผลว่า
• พ่อแม่ "เริ่มหลงลืม"
• "ไม่เข้าใจเอกสาร"
• หรือ "ถูกชักจูงให้ลงชื่อ" ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานยืนยัน ศาลอาจพิจารณาว่ามีมูลจริงและเพิกถอนการโอน
ใบรับรองสติสัมปชัญญะ จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยพิสูจน์ว่า
• ผู้โอนเข้าใจสิ่งที่ตนกำลังทำ
• ตัดสินใจโดยเสรี ไม่ถูกบังคับ
• มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
ใบรับรองสติ คืออะไร
ใบรับรองสติ หรือชื่อที่ใช้จริงในทางการแพทย์คือ “ใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันสติสัมปชัญญะ” ออกโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม มักจะเป็นแพทย์เวชกรรมทั่วไปหรือจิตแพทย์
เอกสารนี้ระบุว่า ผู้โอน
1. มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ (ไม่หลงลืม ไม่สับสนจนไม่เข้าใจการกระทำของตนเอง)
2. เข้าใจวัตถุประสงค์ของการโอน ว่าคือการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือทรัพย์สินให้แก่บุคคลใด
3. สามารถตัดสินใจได้โดยอิสระ ไม่มีการบังคับ ข่มขู่
ทำที่ไหน
• โรงพยาบาลรัฐ : เช่น โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด
• โรงพยาบาลเอกชน : หลายแห่งมีบริการตรวจและออกใบรับรองแพทย์เรื่องสติสัมปชัญญะ
• คลินิกบางแห่ง : ที่มีแพทย์ประจำและได้รับอนุญาตออกใบรับรองแพทย์
โดยทั่วไป สำนักงานที่ดิน จะไม่ออกใบรับรองเอง แต่จะยอมรับเอกสารจากโรงพยาบาลที่มีตราประทับและลายเซ็นแพทย์
ขั้นตอนการขอใบรับรอง
1. ติดต่อโรงพยาบาล/คลินิก ที่ต้องการใช้บริการ แจ้งว่าต้องการใบรับรองแพทย์เพื่อใช้โอนที่ดิน
2. เข้ารับการตรวจร่างกายและประเมินสติสัมปชัญญะ แพทย์จะถามคำถาม เช่น
• วันนี้วันอะไร
• ท่านชื่ออะไร
• รู้หรือไม่ว่ามาที่โรงพยาบาลเพื่ออะไร
• เข้าใจหรือไม่ว่ากำลังจะโอนทรัพย์สินให้ใคร
3. แพทย์ออกใบรับรอง ระบุข้อความประมาณว่า
• ผู้ตรวจมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
• เข้าใจวัตถุประสงค์ของการโอนที่ดิน
• ตัดสินใจได้เองโดยสมัครใจ
4. นำใบรับรองไปยื่นที่สำนักงานที่ดิน พร้อมเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์
ข้อดีของการมีใบรับรองสติ
1. ป้องกันการฟ้องเพิกถอน - ลูกอีกฝ่ายจะยกเรื่อง “พ่อแม่ไม่มีสติ” มาฟ้องได้ยาก
2. เป็นหลักฐานชัดเจนในศาล - ศาลมักรับฟังเอกสารที่ออกโดยแพทย์ว่าเป็นกลางและน่าเชื่อถือ
3. ลดความขัดแย้งในครอบครัว - แม้จะไม่ทำให้ลูกทุกคนพอใจ แต่ช่วยยืนยันว่าเป็นเจตนาของพ่อแม่จริง
4. สร้างความสบายใจให้ผู้โอน - ว่าสิ่งที่ตัดสินใจจะได้รับการคุ้มครองในทางกฎหมาย
การโอนที่ดินหรือทรัพย์สินจากพ่อแม่ไปยังลูก เป็นสิทธิของเจ้าของทรัพย์สินโดยตรง แต่เพื่อป้องกันปัญหาลูกคนอื่นไม่พอใจและนำไปฟ้องศาลเพิกถอน การมี ใบรับรองสติสัมปชัญญะ ถือเป็น "เกราะป้องกัน" ที่สำคัญ
• ทำได้ที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน
• ใช้ยืนยันว่าผู้โอนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เข้าใจผลของการโอน
• เป็นหลักฐานที่ศาลให้ความน่าเชื่อถือสูง
ดังนั้น หากใครกำลังคิดจะโอนทรัพย์สินให้ลูกเพื่อความสบายใจในบั้นปลายชีวิต การขอ ใบรับรองสติ จึงเป็นขั้นตอนที่รัดกุมทั้งในแง่กฎหมายและความสงบสุขของครอบครัว