โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Region Beta Paradox เมื่อชีวิตที่ "พอทนได้" คือกับดักอันตรายที่สุด

Mission To The Moon

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Mission To The Moon Media

เชื่อหรือไม่ว่า บางครั้ง ชีวิตที่แย่มากกว่ากลับดีกว่าชีวิตที่แค่พอทนได้?
.
.
นี่คือแนวคิด "Region Beta Paradox" ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่อธิบายว่าทำไมเราถึงติดอยู่ในงานที่ไม่ชอบ ความสัมพันธ์ที่จืดชืด หรือสถานการณ์ที่ไม่มีความสุข เพียงเพราะมันยังไม่แย่มากพอที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
.
เพราะสมองมนุษย์มีกลไกป้องกันทางจิตวิทยาที่ถูกกระตุ้นเมื่อเจอวิกฤตรุนแรง แต่ไม่ทำงานเมื่อเจอสถานการณ์ที่ "แย่แต่พอทนได้" เหมือนกบในหม้อน้ำที่ค่อยๆ ร้อนขึ้น ซึ่งจะไม่กระโดดหนีจนกว่าจะสายเกินไป นั่นแปลว่าเหตุการณ์ที่พอทนได้นั้น อาจจะนำพาคุณไปสู่หายนะมากกว่าที่คิด
.
บทความนี้จะพาคุณสำรวจสัญญาณเตือนว่ากำลังติดกับดักนี้หรือไม่ และแนะนำวิธีหลุดพ้นจากวงจรอันตรายที่อาจฉุดรั้งชีวิตคุณไว้ในความธรรมดาที่น่าเสียดาย
.
.
เรากำลังติดอยู่ในสถานการณ์แย่ๆ แต่มันแค่ยังแย่ไม่พอ
.
"ชีวิตก็พออยู่ได้นะ" คือประโยคที่หลายคนบอกกับตัวเอง ทั้งที่ลึกๆ รู้ว่าไม่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นงานที่ไม่เติบโต ความสัมพันธ์ที่ไร้ชีวิตชีวา หรือสุขภาพที่แย่ลงเรื่อยๆ แต่ยังไม่แย่ถึงขั้นวิกฤต เราเลือกทนอยู่กับความไม่พอใจเรื้อรังแทนที่จะลงมือเปลี่ยนแปลง จนกลายเป็นปีแล้วปีเล่าที่ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น
.
สถานการณ์นี้เรียกว่า "Region Beta Paradox" ซึ่งเป็นแนวคิดที่เสนอโดย Daniel Gilbert ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่อธิบายว่าทำไมคนเราบางครั้งฟื้นตัวจากประสบการณ์ที่เลวร้ายมากได้เร็วกว่าประสบการณ์ที่เลวร้ายน้อย
.
ทฤษฎีนี้เสนอว่า เมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ที่รุนแรงมาก สมองจะกระตุ้นกลไกการป้องกันทางจิตวิทยาขั้นสูง เช่น การหาความหมาย การปรับมุมมอง หรือการลงมือเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ระดับปานกลางหรือ "พอทนได้" กลไกเหล่านี้จะไม่ถูกกระตุ้น ทำให้เราติดอยู่กับความทุกข์นั้นได้นานกว่า โดยมีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่น
.
[ ] คนที่ทนอยู่กับงานน่าเบื่อเป็นสิบปี แต่เมื่อถูกลดตำแหน่งครั้งเดียวกลับลาออกและเริ่มต้นธุรกิจที่ใฝ่ฝัน
[ ] คู่สมรสที่อยู่ด้วยกันแบบเฉยๆ หลายปี แต่เมื่อมีการนอกใจกลับตัดสินใจเด็ดขาดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
[ ] คนที่ปล่อยให้สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ จนเกิดอาการป่วยหนัก แล้วถึงเปลี่ยนวิถีชีวิตจนสุขภาพดีกว่าที่เคยเป็นมา
.
ในทุกตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า วิกฤตที่รุนแรงกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ขณะที่ความทุกข์แบบ "พอทนได้" ทำให้คนเราจมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความสุขได้นานกว่า เหมือนกับที่มาร์ค แมนสัน นักเขียนชื่อดังเคยกล่าวว่า "บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเรา คือสิ่งแย่ที่สุดที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้น" เพราะมันผลักดันให้เราออกจากความเคยชินและก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
.
.
เรากำลังเป็นกบในหม้อน้ำร้อนโดยไม่รู้ตัว
.
มีเรื่องเล่าเปรียบเทียบว่า ถ้าคุณใส่กบในน้ำเดือด มันจะกระโดดออกทันที แต่ถ้าคุณใส่กบในน้ำเย็นแล้วค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิทีละนิด กบจะปรับตัวไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกถึงอันตราย จนสุดท้ายถูกต้มจนตาย
.
แม้ว่าในความเป็นจริง กบอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่มนุษย์เรากลับมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้จริงๆ เราค่อยๆ ปรับตัวกับสถานการณ์ที่แย่ลงทีละนิด จนไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง และไม่ตระหนักว่าชีวิตกำลังถูก "ต้ม" อย่างช้าๆ
.
นี่คือเหตุผลที่เราทนกับงานที่กัดกร่อนความสุขและพลังชีวิตวันละนิด จนหมดไฟโดยไม่รู้ตัว เรายอมรับความสัมพันธ์ที่จืดชืดและห่างเหินขึ้นทุกวัน จนกลายเป็นความว่างเปล่า และเราปล่อยให้สุขภาพแย่ลงทีละเล็กละน้อย จนสูญเสียความแข็งแรงและพลังงานที่เคยมี
.
แล้วจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากวงจรอันตรายนี้? คำตอบไม่ใช่การรอให้เกิดวิกฤตร้ายแรงในชีวิต แต่คือการสร้างความตระหนักรู้และลงมือเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะสายเกินไป เริ่มจากการสังเกตสัญญาณเตือนในชีวิตประจำวัน เช่น ความรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง การขาดแรงจูงใจ หรือการที่เวลาผ่านไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
.
.
6 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณติดกับดัก Region Beta
.
การติดอยู่ในกับดัก Region Beta อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์นี้
.
[ ] อย่างแรกคือคุณมักบอกตัวเองว่า "ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น" เมื่อถูกถามว่าทำไมยังทนอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบัน คุณมักใช้ประโยคปลอบใจตัวเองว่า "มันก็ไม่ได้แย่มาก" หรือ "คนอื่นยังแย่กว่านี้เลย" แทนที่จะยอมรับความรู้สึกไม่พอใจที่แท้จริง
.
[ ] ส่วนใหญ่ คุณมักจะรอให้สถานการณ์แย่ลงกว่านี้ก่อนจึงจะลงมือทำอะไร คุณมีเงื่อนไขในใจว่า "ถ้ามันแย่ถึงจุดนี้ ฉันจะเปลี่ยน" แต่จุดนั้นยังไม่มาถึงสักที และเป้าหมายก็ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
.
[ ] คุณมีความฝันแต่ไม่กล้าทำตาม เพราะกลัวความไม่แน่นอน คุณมีความปรารถนาลึกๆ ที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ความกลัวต่อสิ่งไม่รู้ทำให้คุณเลือกอยู่กับความไม่พอใจที่คุ้นเคยมากกว่า
.
[ ] คุณรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง แต่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง คุณมีอาการเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ แม้จะได้พักผ่อนเพียงพอ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ปัจจุบันกำลังดูดพลังงานชีวิตของคุณอย่างช้าๆ
.
[ ] คุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่แย่กว่าเพื่อรู้สึกดีขึ้น คุณมักหาตัวอย่างของคนที่มีชีวิตยากลำบากกว่าเพื่อปลอบใจตัวเองว่า "อย่างน้อยฉันก็ยังดีกว่าเขา" แทนที่จะเปรียบเทียบกับศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง
.
[ ] คุณรู้สึกว่าชีวิตผ่านไปเร็ว แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ชีวิตยังวนเวียนอยู่กับที่ ไม่มีพัฒนาการหรือความก้าวหน้าใดๆ ที่ทำให้คุณภูมิใจ
.
หากคุณมีลักษณะตรงกับสัญญาณเหล่านี้ คุณอาจกำลังติดอยู่ในกับดัก Region Beta โดยไม่รู้ตัว ชีวิตที่ "พอทนได้" กำลังฉุดรั้งไม่ให้คุณเติบโตไปสู่ศักยภาพที่แท้จริง แทนที่จะรอให้เกิดวิกฤตที่ผลักดันให้คุณเปลี่ยนแปลง
.
.
ทำไมเราถึงติดกับดักนี้?
.
มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราติดอยู่ในกับดักของสถานการณ์ที่ "พอทนได้" โดยไม่ลงมือเปลี่ยนแปลง โดยเหตุผลแรกคือการที่สมองมนุษย์ถูกออกแบบให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยง นักประสาทวิทยาค้นพบว่า สมองของเรามีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายมากกว่าแสวงหาผลประโยชน์ หรือที่เรียกว่า "Loss Aversion" เราจึงมักเลือกความแน่นอนที่ไม่ดีมากกว่าความไม่แน่นอนที่อาจดีกว่า เพราะกลัวว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่แย่กว่าเดิม
.
อีกทั้ง กลไกป้องกันทางจิตวิทยาทำงานเฉพาะเมื่อเจอวิกฤตรุนแรง เมื่อเราเผชิญกับวิกฤตหรือความทุกข์อย่างรุนแรง สมองจะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนพิเศษเพื่อช่วยให้เราฟื้นตัวและปรับตัว แต่ความทุกข์ระดับปานกลางไม่สามารถกระตุ้นกลไกเหล่านี้ได้ จึงทำให้เราไม่มีแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลง
.
นอกจากนี้ พลังของความเคยชินก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนมักติดกับดักนี้เช่นกัน โดย James Clear ผู้เขียนหนังสือ Atomic Habits อธิบายว่า 40-50% ของสิ่งที่เราทำในแต่ละวันเป็นนิสัยหรือพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆ โดยไม่ต้องคิด การเปลี่ยนแปลงจึงต้องต่อสู้กับแรงเฉื่อยอันทรงพลังของความเคยชิน ซึ่งต้องใช้พลังงานมากและทำให้เรารู้สึกไม่สบาย
.
.
5 วิธีหลุดพ้นจากกับดัก Region Beta
.
การรู้ตัวว่ากำลังติดอยู่ในกับดัก Region Beta เป็นก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลง แต่การลงมือทำนั้นต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจน และนี่คือ 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากกับดักนี้
.
1. ตั้งเป้าหมายสูงกว่า "พอได้อยู่"
แทนที่จะพอใจกับชีวิตที่ "ก็โอเค" ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ชีวิตที่ดีที่สุดที่ฉันจะมีได้คืออะไร?" และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับชีวิตของคุณ เขียนวิสัยทัศน์ของชีวิตที่คุณต้องการอย่างชัดเจน เพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งไปข้างหน้า
.
2. สร้างความไม่สบายที่มีเป้าหมาย
แทนที่จะรอให้ชีวิตบังคับให้คุณเปลี่ยนแปลงผ่านวิกฤต ลองสร้างความไม่สบายแบบควบคุมได้ด้วยตัวเอง เช่น ทดลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ลงเรียนคอร์สที่ท้าทาย หรือเริ่มโปรเจกต์ใหม่ที่ผลักดันขอบเขตความสามารถของคุณ การสร้าง "Deliberate Discomfort" นี้จะช่วยให้คุณเติบโตโดยไม่ต้องรอวิกฤต
.
3. ตั้งเกณฑ์การตัดสินใจล่วงหน้า
กำหนด "จุดทริกเกอร์" ที่ชัดเจนสำหรับการตัดสินใจเปลี่ยนแปลง เช่น "ถ้าฉันยังรู้สึกไม่มีความสุขกับงานนี้อีก 3 เดือน ฉันจะเริ่มหางานใหม่" หรือ "ถ้าน้ำหนักขึ้นถึง XX กิโลกรัม ฉันจะเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายจริงจัง" การตั้งเกณฑ์ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณไม่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
.
4. แบ่งการเปลี่ยนแปลงเป็นขั้นตอนเล็กๆ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มักดูน่ากลัวเกินไป ลองแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยที่จัดการได้ เช่น แทนที่จะ "เปลี่ยนอาชีพ" ให้เริ่มจาก "อ่านหนังสือเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ 1 เล่ม" หรือ "คุยกับคนในวงการนั้น 1 คน" การเห็นความก้าวหน้าในแต่ละขั้นจะสร้างแรงผลักดันให้คุณเดินหน้าต่อ
.
5. จินตนาการถึงอนาคตทั้งสองแบบ
ใช้เวลาจินตนาการอย่างลึกซึ้งถึงชีวิตของคุณในอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าคุณยังคงอยู่ในสถานการณ์เดิม เปรียบเทียบกับภาพอนาคตถ้าคุณกล้าเปลี่ยนแปลง การมองภาพอนาคตทั้งสองแบบจะช่วยให้คุณเห็นต้นทุนที่แท้จริงของการไม่เปลี่ยนแปลง และอาจเป็นแรงกระตุ้นให้คุณลงมือทำ
.
.
อย่างไรก็ตาม Region Beta Paradox เตือนเราว่า บางครั้งการติดอยู่ในสถานการณ์ที่ "พอทนได้" อาจเป็นอันตรายมากกว่าการเผชิญกับวิกฤตที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ว่าความไม่สบายจะเป็นสิ่งที่เราพยายามหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ แต่บางครั้งมันอาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการผลักดันเราไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าที่เคยเป็น
.
เพราะฉะนั้น อย่ารอให้ชีวิตบังคับคุณผ่านวิกฤตร้ายแรง กล้าที่จะตั้งคำถามกับสถานการณ์ "พอทนได้" ของคุณ และลงมือเปลี่ยนแปลงในวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้
.
.
อ้างอิง
- The Region Beta Paradox: Why Some Scrum Teams Never Improve: Paul Grew, Scrum.org - http://bit.ly/4eMS1RX
- Region Beta Paradox: Rohini Davuluri, Medium - http://bit.ly/44w2Zru
- Take ‘risks’ in your career - The Region Beta Paradox: Mike Barton, LinkedIn - http://bit.ly/4lYA59v
.
.
#RegionBetaParadox
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mission To The Moon

อยากก้าวหน้าไว ต้องรู้ว่าตัวเองขาดอะไร ด้วย Gap Analysis

15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คนทำงานทั่วโลกเครียดหนัก มีอาการกลัวโดนเลิกจ้าง (Layoff Anxiety) 24% จะหมดเงินใน 2 สัปดาห์หากโดนเลิกจ้างวันนี้

10 ก.ค. เวลา 05.30 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

พาส่อง 9 กล้องสุดร้อนแรงเปิดตัวใหม่กระแสแรงในปี 2024

Ladyissue Magazine

เปิดรายงาน Google ปีที่ 10 ทุ่มซื้อพลังงานสะอาดทุบสถิติ เร่งใช้ AI ลดคาร์บอน

กรุงเทพธุรกิจ

ATLAS คัมแบ็กด้วยซิงเกิลใหม่ ตลกร้าย (Bad Comedy) ที่มีอ๊ะอาย 4EVE มาร่วมแสดงใน MV

THE STANDARD

‘นมข้นหวาน’ การต่อสู้กับเชื้อโรค วิกฤตนมปลอม และพลังใจในสงครามกลางเมือง

Capital

เพราะเส้นชัยคือไป Formula 1 คุยกับ ‘เติ้น ทัศนพล’ ถึงชีวิตหลังพวงมาลัย ใต้หมวกกันน็อก

The MATTER

‘อร่อยฉลองเทศกาลไหว้จันทร์ ที่ สินธร เคมปินสกี้’

GM Live

Miley Cyrus ยังคงไม่อยากออกทัวร์คอนเสิร์ต แม้เพิ่งปล่อยอัลบั้ม Something Beautiful

THE STANDARD

ลาไปดูแลหมาแมวป่วย สวัสดิการที่ควรมี หรือ‘ขอมากเกินไป’?

TODAY

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...