อยากก้าวหน้าไว ต้องรู้ว่าตัวเองขาดอะไร ด้วย Gap Analysis
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเพื่อนร่วมงานบางคนถึงได้เลื่อนตำแหน่งก่อน ทั้งที่เข้าทำงานพร้อมกับเรา? หรือทำไมบางคนถึงรู้ตัวอยู่เสมอว่าต้องเรียนรู้อะไรต่อเพื่อให้ก้าวหน้าในสายอาชีพ?
.
จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ก้าวหน้าได้เร็วอาจไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่อยู่ที่การรู้จักใช้ Gap Analysis หรือ “การวิเคราะห์ช่องว่าง” ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ช่วยให้เรามองเห็นชัดเจนว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหน และควรเติมเต็มอะไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
.
.
Gap Analysis คืออะไร?
.
Gap Analysis คือกระบวนการที่ช่วยให้เราเห็น “ช่องว่าง” ระหว่างสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน กับสิ่งที่เราอยากจะเป็นในอนาคต ซึ่งไม่ได้มองแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และทัศนคติในการทำงาน
.
ในแง่มุมของการพัฒนาตัวเอง มักเรียกว่า Personal Gap Analysis คือการประเมินตัวเองอย่างจริงจัง เปรียบเทียบสิ่งที่เรามีในตอนนี้กับสิ่งที่เราต้องการ เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เหมือนกับการมี “แผนที่ส่วนตัว” ที่คอยบอกทางให้เราเดินต่อไปได้ถูกทิศทาง
.
.
ทำไม Gap Analysis ถึงสำคัญ?
.
หลายคนอาจรู้สึกว่าการวิเคราะห์ตัวเองเป็นเรื่องที่ดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้ว Gap Analysis ให้ประโยชน์กับเรามากกว่าที่คิด
.
อย่างแรก ช่วยให้เรารู้จักตัวเอง รู้ว่าตอนนี้เรามีทักษะอะไรบ้าง และยังขาดอะไรอยู่ เราจะได้รู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองอย่างชัดเจน
.
นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราตั้งเป้าหมายได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม แทนที่จะตั้งแบบกว้างๆ ว่า “อยากเก่งขึ้น” เราจะรู้ว่าต้องเก่งขึ้นในด้านไหน ต้องพัฒนาทักษะอะไร และควรให้ความสำคัญกับอะไรเป็นลำดับแรก
.
การเรียนรู้ของเราจะมีทิศทาง ไม่ใช่แค่เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แต่เรียนรู้ในสิ่งที่ตอบโจทย์และตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ทุกความพยายามมีคุณค่ามากขึ้น
.
คนที่รู้ว่าตัวเองขาดอะไรและรีบพัฒนา จะมีโอกาสก้าวหน้าได้เร็วกว่า และเมื่อเห็นว่าตัวเองค่อยๆ เก่งขึ้นในทักษะที่ไม่ถนัด ความมั่นใจก็จะค่อยๆ ตามมาเอง
.
.
ขั้นตอนการทำ Gap Analysis ให้ได้ผลจริง
.
Gap Analysis สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เราเริ่มอย่างตั้งใจและเปิดใจ ด้วยขั้นตอนเหล่านี้
.
1. ประเมินตัวเองก่อน
เริ่มจากนั่งลงแล้วเขียนออกมาว่า ตอนนี้เรามีทักษะ ความรู้ หรือคุณสมบัติอะไร จุดไหนที่เรายังรู้สึกว่าอยากพัฒนา ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเราลองเปิดใจและมองตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้วางแผนได้แม่นยำขึ้น
.
2. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
สิ่งสำคัญคือ ให้หลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายกว้างๆ เช่น “อยากประสบความสำเร็จ” ให้ระบุให้ชัดเจน เช่น “อยากเป็นหัวหน้าทีมใน 2 ปี” เป้าหมายที่ดีควรเป็นแบบ SMART คือ เฉพาะเจาะจง (Specific), วัดผลได้ (Measurable), ทำได้จริง (Achievable), เกี่ยวข้อง/สอดคล้องกับเป้าหมายหรือความเป็นจริง (Relevant) และมีกำหนดเวลา (Time-bound)
.
3. หาช่องว่างระหว่างปัจจุบันกับเป้าหมาย
นำสิ่งที่เรามีตอนนี้มาเทียบกับสิ่งที่เราอยากเป็น จะมองเห็นว่าขาดอะไรได้ชัดเจนขึ้น และช่องว่างเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อไป
.
4. เลือกวิธีเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง
เมื่อรู้แล้วว่าขาดอะไร ให้เลือกวิธีเรียนรู้ที่เข้ากับสไตล์เรา เช่น คอร์สออนไลน์ หนังสือ เวิร์กช็อป การฝึกจริง หรือหาที่ปรึกษา เพื่อไม่ให้รู้สึกฝืนและเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
.
5. สร้างแผนที่ทำได้จริง
ลองแบ่งเป้าหมายใหญ่ให้เป็นเป้าหมายย่อย เช่น “3 เดือนแรกจะโฟกัสฝึกทักษะนี้” หรือ “6 เดือนต่อไปจะเสริมความรู้ด้านนั้น” การวางแผนเป็นช่วงๆ จะทำให้เราติดตามความคืบหน้าได้ง่ายขึ้น
.
6. ทบทวนและปรับแผนเป็นระยะ
ชีวิตและสถานการณ์ของเราอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การทบทวนทุก 3–6 เดือน จะช่วยให้เราปรับตัวและก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจขึ้น
.
.
ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มทำงานหรือทำมานานแล้ว Gap Analysis ก็ช่วยได้ เพราะมันไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ แต่เป็นวิธีมองตัวเองให้ชัดขึ้น ว่าอยู่ตรงไหน อยากไปถึงไหน แล้วต้องทำอะไรต่อ
.
ถ้ารู้จุดยืนกับเป้าหมาย ชีวิตการทำงานก็จะมีทางไปต่อที่ชัดขึ้น และไปได้ไกลกว่าเดิม
.
.
อ้างอิง
- Mapping Your Path to Success: A Guide to Personal Gap Analysis : Michelle Myers, HRMorning - https://bit.ly/40OaSWY
- What Is a Gap Analysis? (With Steps for Using One at Work) : Indeed - https://bit.ly/4lUcyX1
.
.
#trend
#worklife
#gapanalysis
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast