'ปูติน' ย้ำ 'นาโต' ในงาน SCO เลิกขยายอิทธิพลไปตะวันออก แลกดีลสันติภาพยูเครน
หลังหารือกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของ จีน และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของ อินเดีย และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของ รัสเซีย ได้กล่าวย้ำถึงประเด็นการขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกของนาโตว่า “ต้องได้รับการแก้ไข” เพื่อบรรลุดีลสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน
ปูตินได้กล่าวในที่ประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้(SCO) ในเทียนจิน ประเทศจีน ว่า ตะวันตกได้พยายามนำยูเครนเข้าสู่วงโคจรตะวันตก และพยายามล่อลวงสาธารณรัฐโซเวียตเดิมเข้าสู่นาโต กลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยสหรัฐ
“เพื่อบรรลุสันติภาพอย่างยั่งยืนและในระยะยาว รากเหง้าปัญหาของวิกฤติ ที่ผมได้กล่าวถึงไป และที่ผมเคยย้ำมาก่อนนั้น ต้องถูกกำจัด” ปูตินกล่าว และเสริมว่า ความสมดุลอย่างยุติธรรมในขอบเขตความมั่นคงต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งการเรียกร้องดังกล่าวถือเป็นการสรุปข้อเรียกร้องของรัสเซียเกี่ยวกับความมั่นคงของนาโตและยุโรป
ในการประชุมนาโตเมื่อปี 2008 ผู้นำได้เห็นพ้องต้องกันว่าวันหนึ่งยูเครนและจอร์เจียจะได้เป็นสมาชิก ต่อมาในปี 2019 ยูเครนได้แก้ไขรัฐธรรมนูญมุ่งเข้าสู่เส้นทางการเป็นสมาชิกนาโตและสหภาพยุโรปเต็มตัว
ปูตินสั่งการให้ทหารหลายหมื่นนายบุกยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. 2022 หลังจากมีการสู้รบในยูเครนตะวันออกมาแปดปี ระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและกองทัพยูเครน ปัจจุบันรัสเซียควบคุมพื้นที่ยูเครนได้เกือบ 1ใน 5
ยูเครนและมหาอำนาจยุโรปตะวันตกต่างกล่าวถึงการรุกรานครั้งนี้ว่าเป็นการยึดครองดินแดนแบบจักรวรรดินิยมอันโหดร้าย แต่ปูตินมองว่าสงครามครั้งนี้เป็นการสู้รบกับชาติตะวันตกที่กำลังเสื่อมถอย ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างความอับอายให้กับรัสเซียหลังกำแพงเบอร์ลินพังทลายในปี 1989 ด้วยการให้นาโตขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกมากขึ้น
สำหรับเงื่อนไขของปูตินในการยุติสงครามตามที่รอยเตอร์สได้รายงานเมื่อเดือน พ.ค. รัสเซียได้เรียกร้องให้ผู้นำตะวันตกให้คำมั่นเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะยุติการขยายตัวของนาโตและยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
ทั้งนี้ ในงานประชุม SCO ปีนี้ ปูตินกล่าวด้วยว่า ความเข้าใจที่บรรลุกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในที่ประชุมสุดยอดในแอลาสกาเมื่อเดือน ส.ค. เปิดทางสู่สันติภาพในยูเครน และเขาจะหารือกับบรรดาผู้นำที่เข้าร่วมงานประชุมระดับภูมิภาคในจีนด้วย
“พวกเราซึ่งใจอย่างยิ่งต่อความพยายามและข้อเสนอของจีนและอินเดีย ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหาวิกฤติยูเครน” ปูตินกล่าวกับที่ประชุม และเสริมว่า ความเข้าใจที่บรรลุในที่ประชุมรัสเซีย-สหรัฐในแอลาสกานั้น ตนหวังว่าจะสร้างความคืบหน้าให้กับเป้าหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.รัสเซียยังได้แจ้งรายละเอียดความสำเร็จในการหารือกับทรัมป์ให้สีทราบเมื่อวันอาทิตย์ และว่ากำลังดำเนินการแก้ไขความขัดแย้ง และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกในการประชุมทวิภาคีกับผู้นำจีนและผู้นำคนอื่นๆ
จีนและอินเดียเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของจากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และด้วยการผูกมิตรกับรัสเซีย อินเดียจึงถูกทรัมป์เก็บภาษีเพิ่มเติมในระดับที่สูงมาก เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และยังไม่มีสัญญาณแน่ชัดว่าอินเดียและจีนจะเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซียเมื่อใด ซึ่งน้ำมันถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเศรษฐกิจรัสเซีย
ทั้งนี้ นอกกรอบการประชุม SCO มีโมเมนต์ที่น่าสนใจคือ โมดีได้จับมือปูตินเดินทางไปหาปธน.สี ทั้งสามพูดคุยกันด้วยท่าทียิ้มแย้ม และหลายล้อมไปด้วยล่าม