ไทยต้องปรับตัว หลังสหรัฐฯ เตรียมจัดเก็บภาษีในอัตรา 36%
จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จากสินค้าไทยในอัตรา 36% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 หลังเลื่อนเส้นตายเดิมจากวันที่ 9 กรกฎาคม โดยไทยอยู่ในกลุ่ม 14 ประเทศแรกที่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากสหรัฐฯ
SCB EIC ชี้ว่าการจัดเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยอาเซียนและเอเชีย และมากกว่าคู่แข่งสำคัญของไทย เช่น จีนและเวียดนาม ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
1. กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ไทยอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และจีน เนื่องจากภาษีนำเข้าที่ไทยต้องจ่ายสูงกว่า
2. สินค้ายางล้อ
เสี่ยงสูญเสียสถานะคู่ค้าอันดับ 1 เพราะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากข้อตกลง USMCA เหมือนเม็กซิโกและแคนาดา
3. อาหารทะเลแปรรูป เช่น ทูน่ากระป๋อง
อัตราภาษีที่สูงกว่าเวียดนาม อาจทำให้ไทยสูญเสียความได้เปรียบในตลาดสหรัฐฯ
4. สินค้าสวมสิทธิ (Transshipping)
สหรัฐฯ อาจตั้งเป้าเพิ่มภาษีสำหรับสินค้าที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าสูง หรือมีข้อสงสัยเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางล้อ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์
หากไทยจำเป็นต้องเปิดตลาดเสรีให้สหรัฐฯ แบบไม่มีเงื่อนไขเพื่อแลกกับการลดภาษีตอบโต้ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ได้แก่:
• สุกรและไก่เนื้อ: ต้นทุนการผลิตสูงกว่าสหรัฐฯ ถึงราว 27% ส่งผลให้แข่งขันไม่ได้
• ข้าวโพด: ไทยผลิตใช้เองเป็นหลัก หากมีการนำเข้าเพิ่ม ราคาจะลดลงและกระทบผู้ผลิตรายย่อย
แม้ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าที่ถูกลง แต่ความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางอาหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
• การส่งออก: คาดจะเริ่มหดตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 และมากขึ้นในไตรมาส 4
• การลงทุนภาคเอกชน: มีแนวโน้มชะลอ จากความไม่แน่นอนในการเจรจาการค้า
• การบริโภคภาคเอกชน: จะชะลอตัวมากขึ้นในช่วงสิ้นปี ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
• นโยบายการเงิน: มีโอกาสเห็น กนง. ปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
• การเจรจาการค้า: ควรเน้นความสมดุลระหว่างผลประโยชน์กับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าอ่อนไหวสูง
• การช่วยเหลือภาคธุรกิจ: ให้สภาพคล่อง, หาตลาดใหม่ และยกระดับศักยภาพการแข่งขัน
• งบประมาณรับมือ: อาจใช้เงินสำรองหรือปรับงบประมาณปี 2569 รวมถึงการออก พ.ร.ก. ในกรณีจำเป็น
• กลยุทธ์ระยะยาว: ยกระดับมาตรฐานการผลิต พัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน