ขาด ‘หนู’ แล้วจะรู้สึก
ไม่น่าเชื่อด้วยความมั่นใจของ นายใหญ่ และ กองทัพงูเห่า จนยอมทำให้รัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง 330 เสียง ลงมาอยู่ในสภาพปริ่มน้ำ 261 เสียง หลังยึดกระทรวงมหาดไทย และตามมาด้วยการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย แต่กลับทำให้พรรคร่วมฯ อิ่มหมีพีมัน และ "นายกฯ" แพทองธาร ชินวัตร, "ทักษิณ ชินวัตร" และ“พรรคเพื่อไทย” ไร้อำนาจต่อรองเป็นครั้งแรก
จากนั้นตามมาด้วยสภาพของนายกฯ ใกล้หมดอนาคตทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคดีคลิปเสียงลุงหลานไว้พิจารณา และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าไม่น่ารอด เพราะได้กระทำผิดต่อตำแหน่งนายกฯ ไปเรียบร้อยแล้ว
หากใครได้เห็นใบหน้าของ "แพทองธาร" ยามนี้ เรียกได้ว่าอมทุกข์อย่างแสนสาหัส ต่างจากสมัยที่มี 330 เสียง และมี "อาหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนข้างกาย
แต่เมื่อเลือกไม่เอา "อาหนู" สิ่งที่ตามมาไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ กฎหมาย "กาสิโน" ถูกเลื่อนพิจารณาทันทีเพราะสภาพเสียงปริ่มน้ำ เกรงว่าหากผลักดันจะตกม้าตาย
ตามมาด้วยเมื่อสภาเปิดวันที่ 3 ก.ค. เตรียมโดนดาบสอง หากสมมุติว่ารอดจากศาลรัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐในฐานะฝ่ายค้าน ก็เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ต่อด้วยจะถูกวุฒิสภาเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ
เช่นเดียวกับสภาพของรัฐบาล หลังจากนี้จะถูก สส. และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลต่อรอง และข่มขู่ทุกอย่าง เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้มากที่สุด
ส่วนความนิยมตกต่ำ จากปัญหาไทย-กัมพูชา หลังนิด้าโพลเที่ยวล่าสุด พบ "นายกฯ อิ๊งค์" คะแนนลดฮวบ อยู่ในอันดับ 5 รั้งท้ายสุด จากความนิยม 30% เหลือเพียง 9%
อารมณ์นายกฯ ตอนนี้คงเข้าทำนองเพลง “วันใดขาดหนู แล้วเธอจะรู้สึก”
เนื่องจากอย่างน้อยๆ เมื่อมี “อนุทิน” อยู่ข้างกาย เขาจะทำหน้าที่ปกป้อง ควบคุมเสถียรภาพในรัฐบาล ไม่ให้ถูกพรรคร่วมฯ รุมทึ้ง และช่วยเก็บมือ สส.-สว. ไม่ให้ยื่นตรวจสอบเอาถึงตายแบบนี้.
ช่างสงสัย