รู้จักตัวจริงคนหน้ากล้อง “เอวา Sunflowava” คอนเท้นต์ครีเอเตอร์ที่อยากส่งพลังบวกให้กับคนดู
LSA พาพูดคุยกับคอนเท้นต์ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ “เอวา Sunflowava” สาวน้อยผู้อยากปล่อยพลังบวกให้กับคนดูในทุกๆ วัน
เป็นทั้งนักแสดงและคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ “เอวา-ปวรวรรณ วีระภุชงค์” จากช่องยูทูป “Sunflowava” ที่มีผู้ติดตามแพลตฟอร์มออนไลน์บ้านแดงมากถึง 2.81 ล้านคน แพลตฟอร์มที่ทุกคนจะได้พบกับคอนเท้นต์ที่บอกเล่าไลฟ์สไตล์ส่วนตัว การทำงาน การท่องเที่ยว การช่วยเหลือคน และอีกมากมายของสาวสวยทายาทธุรกิจ “ไทยนครพัฒนา” บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาหลากหลายชนิดในประเทศไทย
หากสิ่งที่ทำให้แฟนๆ หลายคนชื่นชอบและติดตามความเคลื่อนไหวการใช้ชีวิตของเธอมากขนาดนี้ ก็ต้องยกให้กับนิสัยน่ารักเรียบง่าย ความจริงใจ และความเป็นกันเองที่ส่งผ่านจอจนคนดูรู้สึกได้นั่นเอง
ครั้งนี้ LSA พาไปรู้จักตัวตนที่มากกว่าแค่ที่เห็นจากหน้ากล้องของครีเอเตอร์สาวคัฟเวอร์สตาร์ประจำเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำคอนเท้นต์ การใช้ชีวิตบนโลกโซเชียลมิเดีย ความตั้งใจสร้างคุณค่าให้กับสังคม การช่วยเหลือผู้อื่น และการขอบคุณตัวเองในทุกๆ วัน
อยากให้แนะนำตัวเองให้เรารู้จักมากกว่าที่เห็นในคลิปหน่อย ตัวจริงเอวาเป็นคนแบบไหน
หลายคนอาจจะรู้จักเอวาจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูปเบอร์ แล้วก็มีงานแสดงบ้างค่ะ จริงๆ แล้วเอวาอยากจะเป็นสัญลักษณ์ของความสดใส เหมือนชื่อยูทูปของเอวาคือ Sunflowava แค่เปลี่ยนตัวสะกดด้านหลังนิดหน่อย เพราะเอวารู้สึกว่าดอกทานตะวันเป็นดอกไม้ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรเลย ไม่ยอมแพ้ในความฝันของตัวเอง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ ก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นตัวเองที่ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร เราก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเป็นคอนเท้นต์ครีเอเตอร์มาจากอะไร
จุดเริ่มต้นจริงๆ มันมาจากการที่เอวาอยากเป็นนักแสดงก่อนค่ะ แล้วก็เคยได้ทำละครเวทีเป็นของตัวเอง รู้สึกว่าเรามีแพชชั่นตรงนี้ แบบชอบที่จะอยู่บนเวที ชอบอยู่ในสปอตไลต์ แล้วก็มาคิดต่อว่า “ถ้าเราเริ่มทำคอนเท้นต์ด้วยตัวเองล่ะ” ก็เลยเริ่มทำคอนเท้นต์ลงติ๊กต๊อก อินสตาแกรม แล้วก็ยูทูป มันทำให้รู้สึกชีวิตมีคุณค่า เหมือนเราทำอะไรแล้วเราสามารถส่งต่อพลังบวกให้กับคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จักได้ บางคนส่งมาว่า “ดูคลิปเอวาแล้วได้พลังบวกจังเลย” “วันนี้สอบตกมาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น” มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่รู้จักเขา แต่เราสามารถเพิ่มความสุขและคุณค่าให้กับเขาได้ นั่นก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้อยากเริ่มงานเป็นคอนเท้นต์ครีเอเตอร์แบบเต็มตัว
หลายคนบอกว่าเอวาเป็นคนมีพลังบวกเสมอ เวลาที่ท้อหรือรู้สึกไม่ไหวเรารับมือกับมันยังไง
อย่างแรกเลยคือเราตั้งสติและหายใจเขาลึกๆ เพราะชีวิตที่มีสติเป็นชีวิตที่สำคัญที่สุด เหมือนต้องรู้อารมณ์ตัวเองก่อนว่าตอนนี้เรารู้สึกอะไรอยู่ จากนั้นเอวาจะทำสิ่งนี้ตลอด คือการคิดถึง 3 สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณในชีวิต เพื่อแทนที่อารมณ์โกรธให้กลายมาเป็นความรู้สึก gratitude หรือความขอบคุณแทน เพราะชีวิตของเราทุกคนมันไม่มีอะไรแย่ไปเสียหมดหรอกค่ะ เดือนนี้อาจจะแย่มาก เดือนต่อไปมันอาจจะดีขึ้นได้ ทุกอย่างมันเป็นเหมือนฤดูค่ะ ถ้าชีวิตเราถูกทั้งปี มนุษย์เราหลายคนคงลำบากมาก มันมีทั้งสุขแล้วก็ทุกข์ค่ะ เชื่อว่าตอนนี้ใครที่ทุกข์อยู่อีกไม่นานมันก็จะผ่านไปค่ะ พระอาทิตย์มันจะขึ้นอีก ทุกอย่างมันจะมีการเปลี่ยนผันเปลี่ยนแปลงเสมอค่ะ
แล้วแบบนี้ความสุขของเอวาคืออะไร
ถ้าความสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็แค่แบบการได้กินไอติมที่ชอบก็พอแล้ว แต่ถ้าความสุขที่ใหญ่ขึ้นมาคือการได้ช่วยเหลือคน แล้วได้เห็นว่าชีวิตเขาดีขึ้น อย่างล่าสุดเอวาไป “บ้านครูบุญชู” เป็นมูลนิธิเพื่อเด็กพิเศษ เด็กออทิสติกค่ะ มันเปลี่ยนความคิดของเอวามากๆ เพราะพวกน้องๆ เขาไม่รู้สึกถึงความทุกข์ เขาไม่อิจฉา ไม่ทำร้ายใคร มันทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตที่อยู่กับปัจจุบัน ไม่ยึดกับอดีตหรืออนาคตเขามีความสุขจัง ก็เลยรู้สึกว่าตัวเราเองมีเยอะมากกว่าเขาแต่ทำไมเรายังมีความทุกข์อยู่ เลยพยายามที่จะปรับความคิดของตัวเองให้มองไปหาสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณมากกว่า เพราะความต้องการของมนุษย์เรามันเหมือนทะเลที่เติมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
คอนเท้นต์ไหนที่เอวารู้สึกภูมิใจมากที่สุดตั้งแต่เริ่มทำมา และเพราะอะไร
จริงๆ เยอะมากเลยค่ะ แต่ถ้าเอาแบบที่ทำแล้วเอาชนะความกลัวในชีวิต คือการกระโดดร่ม Skydriving ครั้งแรกในชีวิตสูง 14,000 ฟุตที่ดูไบ เป็นประสบการณ์ที่ภูมิใจในตัวเองมากๆ เหมือนรู้สึกได้เกิดใหม่อีกครั้งเลย มันทำให้เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันแค่อยู่ในหัวของเราเท่านั้น มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แล้วเราก็สามารถที่จะก้าวข้าวผ่านมันไปได้ ส่วนเหตุการณ์ที่ทำแล้วรู้สึกมีคุณค่าก็อย่างการทำคอนเท้นต์ช่วยคน ซึ่งจริงๆ เยอะมาก
อันหนึ่งที่ประทับใจมากคือคอนเท้นต์ช่วยลุงกบค่ะ เขาเป็นคุณลุงที่ไม่มีขา แล้วต้องไถสเก็ตบอร์ดขายลอตเตอรี่ ซึ่งลุงกบก็สอนอะไรหลายๆ อย่างมาก เขาผ่านอะไรมาเยอะทั้งความทุกข์ ความลำบาก เจอการดูถูก แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ คอนเท้นต์ทุกอันแหละค่ะเพราะมันไม่ได้แค่ให้คุณค่าในตัวพวกเขา แต่มันยังให้คุณค่าในตัวเอวาเองด้วย
ให้เลือก3 คำที่นิยามชีวิตของเอวาตอนนี้ได้ดีที่สุด
อันแรกคือ “การเติบโต” รู้สึกว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงแห่งการเติบโตมากๆ ต่อมาคงเป็น “ความขอบคุณ” ขอบคุณสิ่งไม่ดีและดีที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ และทำให้เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น แล้วก็คำว่า “ให้อภัย” ค่ะ รู้สึกให้อภัยตัวเอง ให้อภัยคนอื่น และให้อภัยทุกคน รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้เติบโตขึ้นจริงๆ
ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ จะเลือกช่วงไหน และเพราะอะไร
อยากกลับไปตอนเรียนมัธยมปลายค่ะ มันแบบตอนอยู่มอปลายก็อยากเป็นเด็กมหาลัย พออยู่มหาลัยก็อยากทำงานแล้ว (หัวเราะ) อย่างตอนมอปลายที่ Harrow International School Bangkok คือคิดถึงตอนไป Expedition กับเพื่อน จำได้ว่าถึงแม้ว่าจะต้องตื่นเช้ามาก แต่มันสนุก ต้องไปเดินป่า ก็จะมีกิจกรรมที่เราต้องผ่านไปให้ได้ เจอช้าง เจอเม่น เจอกวาง ตั้งเต้นท์ทำอาหารกินเอง คือถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็คิดถึงตอนเป็นเด็กตอนนั้น เหมือนได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้ทำอะไรใหม่ๆ เป็นครั้งแรก
มีอะไรที่คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังโลกโซเชียลมิเดียบ้างไหม
เอวาเคยได้ยินเขาพูดว่า “โลกโซเชียลมิเดียไม่ใช่เรื่องจริง” หลายอย่างที่ทุกคนเห็นมันอาจจะเป็นเรื่องจริงแค่ 5% ของเขาคนนั้นทั้งหมดก็ได้ ทุกคนมีการฝ่าฟัน มีความทรมาน มีความทุกข์ มีทุกอย่างแต่เขาไม่ได้โชว์มัน เหมือนเอวาเองก็มี แต่เราไม่ได้โชว์ในส่วนนั้นว่าวันนี้เราเศร้ามาก เพราะการที่เราส่งพลังลบออกไปมันไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย ไม่ได้ช่วยตัวเราหรือคนที่ดูเราด้วยซ้ำ เพราะทุกคนก็น่าจะเจอสิ่งลบๆ มากอยู่แล้ว
เอวารู้สึกว่าในโลกออกไลน์ทุกคนมักจะโชว์ด้านที่มีความสุขอยู่เสมอ เลยไม่อยากให้เชื่อมากจนเกินไป อะไรที่ไม่ดีเราอย่าทำตาม อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราก็เก็บไว้ ไม่อยากให้เชื่อว่ามันเป็นชีวิตจริงทั้งหมด แม้แต่กับตัวเอวาเองก็ไม่อยากให้เชื่อว่าเอวาเป็นแบบนั้นตลอด เพราะเราก็มีอีกหลายพาร์ทที่คนไม่เคยได้เห็นเหมือนกัน
ความฝันที่อยากทำให้สำเร็จอีก3 ปีข้างหน้าคืออะไร
เป็นที่คนแผนเปลี่ยนตลอดเลยค่ะ (ยิ้ม) อย่างตอนนี้ก็จะมีไปเรียนที่ญี่ปุ่นด้วย อยากพูดภาษาที่สามได้แบบคล่องๆ เลย แล้วก็อยากมีมูลนิธิเป็นของตัวเองด้วยค่ะ จริงๆ อยากทำตั้งนานแล้วเคยคิดชื่อไว้ด้วยแบบ “Eva Smile“ แบบรอยยิ้มเอวาอะไรแบบนี้ ยังไม่รู้ด้วยว่าจะเน้นแบบไหน ช่วยเด็ก ช่วยหมาจรจัด ทำบ้านพักคนชรา คือยังคิดไม่ออกแต่ว่าอยากทำเหมือน Audrey Hepburn หรือ Angelina Jolie เพราะเอวารู้สึกว่าว่าแม้วันหนึ่งเราจะไม่อยู่แล้วแต่มูลนิธิมันยังไปต่อเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ให้คุณค่ากับคนอื่นต่อไปได้ค่ะ
คือชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนเลยค่ะ เกิดอะไรขึ้นได้ตลอด แต่เอวาเชื่อว่าความดีมันจะยังอยู่ต่อ แม้ว่าเราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แล้วก็สุดท้ายก็คงอยากแต่งงานด้วยมั้งคะ เพราะว่าตอนนี้ก็อายุ 31 แล้ว (หัวเราะ)
Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.