วิเคราะห์ 4 จุดเปลี่ยนส่งออกไทยต่อ ‘ตลาดสหรัฐ’ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือเตือน! ตลาดโลกป่วน แข่งขันรุนแรง
ส.ร.ท. ห่วงอัตราภาษี 19% เตือนจับตา 4 ผลกระทบต่อการส่งออกไทย ขณะที่หอการค้า ห่วงสินค้าส่งออก Final transportation มีผล 7 ส.ค.
ธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ผลการเจรจากับสหรัฐอเมริกาและสามารถปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้า (Reciprocal Tariff) 19% ถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นไปตามความคาดหมายของภาคเอกชน และขอขอบคุณคณะผู้แทนเจรจาของไทย
โดยได้รับอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค ทำให้สินค้าไทยยังคงสามารถแข่งขันได้ และความชัดเจนของอัตราภาษีทำให้คาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลัง และทำให้การส่งออกทั้งปี 2568 สามารถเติบโตได้อย่างน้อย 5-7%
อัตราภาษี 19% ยังคงมีผลกระทบต่อการส่งออก จับตา 4 ประเด็น
ผู้นำเข้าของสหรัฐอเมริกาจะมีการเจรจาในราคาซื้อขายสินค้ากับผู้ส่งออกไทยเพื่อแบ่งภาระภาษีร่วมกัน ซึ่งจะเป็นต้นทุนทางตรงกับผู้ส่งออกไทย รวมถึงลดอัตรากำไรลงอย่างมาก
ผู้ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำภายในประเทศของไทยจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ผลิตเพื่อส่งออกจำเป็นต้องเจรจาด้านราคาวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนสินค้าส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการและเกษตรกรในประเทศในท้ายที่สุด
ผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาจะต้องแบกรับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าราคาสินค้าที่วางจำหน่ายอาจไม่ได้ปรับขึ้นในสัดส่วนมากถึง 19% และผู้บริโภคส่วนใหญ่จะทำใจยอมรับ แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปริมาณการบริโภคสินค้าขั้นสุดท้ายลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สินค้าที่ส่งไปสหรัฐอเมริกาได้น้อยลง โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจะถูกส่งจากประเทศคู่แข่งไปยังตลาดรองอื่น ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาทั่วโลก
“สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย จึงเสนอให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเดินหน้าเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลกที่จะรุนแรงมากขึ้น”
โดยเสนอแนะดังนี้
ปรับลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เพื่อพยุงให้ราคาสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยลดต้นทุนทางการเงินทั้งในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน ให้สอดคล้องกับภูมิภาค และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สะท้อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และลดต้นทุนพลังงานสำหรับภาคการผลิตและภาคการขนส่ง รวมทั้งชะลอการปรับเพิ่มขึ้นต้นทุนค่าแรงงาน
เร่งรุกตลาดใหม่ ทั้งการเจรจาการค้าเสรี การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กิจกรรมคณะผู้แทนการค้าไทยไปเยือนตลาดเป้าหมาย และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในแต่ละกลุ่มสินค้า
เร่งเสริมสภาพคล่อง และสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้เพียงพอสำหรับรองรับการเปิดตลาดใหม่
เข้มงวดการควบคุมมาตรฐานสินค้านำเข้า เพื่อลดแรงกดดันต่อผู้ประกอบการในประเทศ
ดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า หลังจากนี้ต้องจับตาผลกระทบ โดยวิเคราะห์ว่า 1. ดุลการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ประเทศไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไทยตกอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกปรับภาษี การกระตุ้นการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
รวมถึงส่งเสริมการลงทุนจากไทยไปยังสหรัฐฯ จะช่วยสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ และลดแรงกดดันทางการเมืองการค้าในระยะยาว ซึ่งภาครัฐและเอกชนควรทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบการนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมและการลงทุน เพื่อให้กระทบ Supply Chain ในประเทศให้น้อยที่สุด
- การทำ Transshipment ที่ทางสหรัฐระบุไว้ชัดเจนว่าจะถูกจัดเก็บภาษี โดย Transshipment rate ที่อัตรา 40% และอาจมีบทลงโทษเพิ่มนั้น สินค้าไทยบางส่วนอาจถูกจับตาในเรื่องของการ Transshipment หรือการส่งต่อสินค้าผ่านประเทศที่สาม ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็นการหลบเลี่ยงภาษี ทั้งยังมีสินค้าบางกลุ่ม ที่อาจต้องเผชิญกับภาษีเพิ่มเติมถึง 40% ในบางรายการ
ดังนั้น ความชัดเจนในสัดส่วนของ RVC (Regional Value Content) ของแต่ละหมวดสินค้านั้นจำเป็นมาก ซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในส่วนที่ต้องเจรจาลงในรายละเอียด
- วางแผนขนส่งสินค้าภายใต้ช่วงเปลี่ยนผ่านอัตราภาษีของผู้ส่งออกตามประกาศของสหรัฐฯ จากการที่หอการค้าไทยได้หารือกรมการค้าต่างประเทศ ที่จะเริ่มวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เพื่อให้เกิดความชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการส่งออกในการวางแผนและติดตามการขนส่งสินค้า
โดย Annex II ระบุ อัตราภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้าหรือนำออกจากคลังสินค้าเพื่อบริโภค 7 วัน (ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น.) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- Final transportation เริ่มก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และสามารถออกจากคลัง/ขายในสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2568 โดนเก็บภาษี 10%
- Final transportation เริ่มก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และออกจากคลัง/ขายในสหรัฐฯ
- วันที่ 5 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดนเก็บภาษี 19%
- Start transportation หลังวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดนเก็บภาษี 19%
จตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับข้อกังวลของหอการค้าฯ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นต้องหารือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม และเจรจา FTA ตลาดใหม่
ภาพ: Justin Sullivan/ Getty images