พรุ่งนี้ รัฐบาลพาคณะทูต ทูตทหาร ลงพื้นที่จริงชายแดน
ทำเนียบ 31 ก.ค.-พรุ่งนี้ รัฐบาลพาคณะทูต ทูตทหาร สื่อไทย-เทศ ลงพื้นที่จริงชายแดน ให้เห็นกับตาว่าไทยถูกถล่มบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน และโรงพยาบาล อย่างโหดเหี้ยมขนาดไหนในเชิงประจักษ์ ไม่ต้องโกหกหรือหลอกลวงไปวันๆเหมือนกัมพูชา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 รัฐบาล โดยคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์ จะนำคณะทูต และผู้ช่วยทูตทหารประจำสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทย รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานี เพื่อสังเกตการณ์สถานที่ที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี พื้นที่พลเรือนจากสถานการณ์ ชายแดนไทย–กัมพูชา
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตานุทูต และผู้ช่วยทูตทหาร รวม 24 ประเทศ สื่อมวลชนไทย ประมาณ 110 คน จาก 18 หน่วยงาน/สำนักข่าวและสื่อต่างประเทศประมาณ 40 คนจาก 26 สำนักข่าวลงพื้นที่ เพื่อสื่อสารให้ประชาคมโลกทราบถึงข้อมูลหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง
การลงพื้นที่ครั้งนี้เปิดให้คณะผู้แทนทางการทูตและสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่จริง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก โดยจะได้เห็นภาพจริงของความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่สาธารณะ ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่พุ่งเป้าไปยังเป้าหมาย ทางพลเรือนที่ไม่ใช่ทางทหาร ซึ่งเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อ กฎการปะทะและ กฎหมายมนุษยธรรม ระหว่างประเทศ หลักสิทธิมนุษยชน และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
“ฝ่ายไทยยืนยันจะไม่สร้างภาพลวง ไม่โกหกรายวัน ไม่ให้ข่าวบิดเบือน และไม่กล่าวหาด้วยข้อมูลที่ไม่มีมูล ไม่มีพยานหลักฐาน แต่รัฐบาลไทยจะสะท้อนข้อเท็จจริงจากพื้นที่ให้ประชาคมโลกเห็นด้วยตาตนเอง และตัดสินด้วยข้อมูลจากพื้นที่จริง”นายจิรายุ กล่าว
สำหรับกำหนดการในพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568) จะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ มทบ.22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นจะลงพื้นที่สังเกตการณ์พื้นที่เสียหาย ต่างๆ และ พบปะประชาชน ที่อพยพจากแนวชายแดนด้วย
นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งนี้ การลงพื้นที่จะเป็นไปภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ฝ่ายไทยจะยึดถือความปลอดภัยเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มโจยิงก่อน และไม่เคยโจมตีพื้นที่โรงพยาบาลโรงเรียนของพลเรือน อีกทั้งจะเป็นการสะท้อนภาพความจริงใจในการหยุดยิงและนำพาสันติภาพกลับคืนสู่ภูมิภาคนี้ต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย