โซลาร์รูฟท็อปไทยยังโตต่ำ SCB EIC ชี้ 4 อุปสรรคใหญ่ฉุดการเติบโต
ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือนของไทยยังคงเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แม้กระทรวงพลังงานประเมินว่าประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปได้รวมกว่า 121,000 เมกะวัตต์ แต่ข้อมูลในปี 2565 พบว่ามีการติดตั้งเพียง 1,893 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นเพียง 1.6% ของศักยภาพทั้งหมด สะท้อนว่าผู้บริโภคยังต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญหลายด้านในการตัดสินใจลงทุนติดตั้ง
SCB EIC ได้เผยผลสำรวจเมื่อต้นปี 2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,257 ราย พบว่า 80% ของผู้บริโภคมีความสนใจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป แต่ยังไม่ได้ลงมือจริง ขณะที่มีเพียง 9% ที่ติดตั้งแล้ว และอีก 3% อยู่ระหว่างการติดตั้ง ส่วนกลุ่มที่ไม่สนใจเลยมี 8% ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสนใจมีอยู่สูง แต่ปัจจัยกีดขวางยังมีบทบาทสำคัญ
จากผลสำรวจพบอุปสรรคหลัก 4 ด้าน ได้แก่
ความยากในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือและราคาของผู้ให้บริการติดตั้งที่ขาดมาตรฐานเทียบเคียง
ความซับซ้อนในการเลือกเทคโนโลยีและอุปกรณ์ เช่น ชนิดแผงหรืออินเวอร์เตอร์
ความยุ่งยากของขั้นตอนการขออนุญาตจากภาครัฐที่ต้องติดต่อหลายหน่วยงาน
ข้อจำกัดด้านเงินทุน โดยมากกว่า 50% ของผู้ติดตั้งต้องใช้เงินส่วนตัวในการลงทุนติดตั้ง
ในด้านความคาดหวังต่อภาครัฐ ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญสูงสุดกับการ อุดหนุนเงินติดตั้ง ตามมาด้วย สิทธิลดหย่อนภาษี และมาตรการหลังการติดตั้ง เช่น การเปิดรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินในอัตราที่ใกล้เคียงราคาขายปลีก หรือการลดขั้นตอนการขออนุญาต
ขณะเดียวกัน ยังมีข้อเสนอให้สนับสนุนระบบโซลาร์ที่ผลิตโดยผู้ประกอบการไทย และการปลดล็อกให้เอกชนขายไฟฟ้าเข้าสู่โครงข่ายได้เสรี สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคต้องการ “แพ็กเกจนโยบาย” ที่ครบถ้วน ทั้งในมิติของต้นทุน การเข้าถึงระบบ และสิทธิประโยชน์หลังการติดตั้ง
สำหรับผู้ประกอบการติดตั้ง SCB EIC เสนอแนวทางสำคัญในการตอบโจทย์ลูกค้า ได้แก่ การสร้างความน่าเชื่อถือผ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่โปร่งใส มีการรับประกันและบริการหลังการขาย การพัฒนาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือเช่าซื้อร่วมกับสถาบันการเงิน และการอำนวยความสะดวก เช่น ดำเนินการขออนุญาตแทนลูกค้าเพื่อลดความยุ่งยาก
ทั้งนี้ มาตรการภาครัฐยังเป็นตัวแปรหลัก โดยระยะสั้นสามารถสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพผู้ติดตั้ง แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยเงินอุดหนุนและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงพัฒนา One-stop services เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการอนุญาต ขณะที่ระยะยาวควรบูรณาการเข้ากับแผนพลังงานชาติ เช่น การเปิดเสรีขายไฟฟ้า (Third party access) และการใช้ระบบ Net-metering เพื่อส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปอย่างแท้จริง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการผลิตไฟฟ้าจากประชาชนจึงอาจเป็น “กุญแจสำคัญ” ในการปลดล็อกศักยภาพพลังงานสะอาดของไทย และผลักดันประเทศให้ก้าวสู่ระบบพลังงานที่ยั่งยืน