โผหุ้นเครียด! ชายแดน โดนกันแค่ไหน เช็กได้!
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น- บทวิเคราะห์ บล. ดาโอ ระบุว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความรุนแรงมากขึ้น วันที่ 24 ก.ค. 2025 แม่ทัพภาค 1 ได้สั่งการให้ปิด 5 ด่านชายแดนไทย - กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่
1. จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก (โรงเกลือ) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
2. จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอียน-สตึงบท) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
3. จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
4. จุดผ่อนปนการค้าบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
5. จุดผ่อนปนการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งปิด 100%
เวลา 21.00 (วานนี้) โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา รวมผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 14 ราย และผู้บาดเจ็บรวม 46 ราย
เวลา 22.30 (วานนี้) ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยมีประชากรต้องอพยพจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่า 100,000 คน ไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง (ที่มา: ไทยรัฐ)
บทวิเคราะห์ บล. ดาโอ มองเป็นลบต่อกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink), ท่องเที่ยว, ค้าปลีกน้ำมัน, อาหารกระป๋องส่งออก, Commerce โดยเรามองว่า หุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด ได้แก่ SAV, CBG
( - ) SAV (ซื้อ/เป้า 21.00 บาท) มีรายได้ 100% ในกัมพูชา มีความเสี่ยงและเป็น overhang จากการดำเนินธุรกิจหลักวิทยุการบินในกัมพูชา ได้สัมปทานถึงปี 2051 เราแนะนำ ชะลอการลงทุนจนกว่าสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา จะผ่อนคลาย
( - ) กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง: CBG (ซื้อ/เป้า 79.00 บาท): มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาประมาณ 13% ของรายได้รวม ซึ่ง CBG มี market เป็นอันดับ 1 ของกัมพูชาโดยมากกว่า 50% และต่างกับอันดับ 2 ซึ่งเป็นผู้ผลิต local ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ CBG มีสต๊อกที่ 3 เดือน และปัจจุบันขนส่งทางเรือซึ่งจะใช้เวลามากกว่าขนส่งทางบกประมาณ 3-4 วัน
อย่างไรก็ตาม distributor ที่กัมพูชาเผยยอด sell-out ปัจจุบันยังปกติ โดยกิจกรรมทางการตลาดและการบริโภคในประเทศกัมพูชายังเป็นปกติ ทั้งนี้ หากไม่มีรายได้จากกัมพูชาในเดือน ก.ค. - ธ.ค. 2025 จะกระทบกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 340 ล้านบาท หรือเป็น downside ที่ -10% โดย หากอิง target PE ที่ 24x หรือ -1.25SD จะได้ราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 71 บาท และในกรณี worst case อิง target PE ที่ 17.2x หรือ -2SD จะได้ราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 51 บาท
มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนเหตุการณ์ข้างต้นไปพอสมควรแล้ว สำหรับโรงงานที่กำลังจะเปิดในกัมพูชา ยังคงเปิดตามกำหนดการเดิมคือ 1 Dec 2025
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 3,301 ล้านบาท (+16% YoY) และคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 79 บาท อิง PER 24.0x (ใกล้เคียง -1.25 SD ต่ำกว่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เรามองว่าผลประกอบการจะเติบโต YoY, QoQ ตั้งแต่ 2Q25E เป็นต้นไป
( - ) OSP (ซื้อ/เป้า 18.00 บาท) ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้ส่งออกไปตลาดกัมพูชาประมาณ 1%
( - ) กลุ่ม Commerce
GLOBAL (ถือ/เป้า 8.00 บาท) มี 2 สาขาในพนมเปญและพระตะบอง (ถือ 55%) สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 2%
CPAXT (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท) มี 3 สาขาในพนมเปญและเสียมเรียบ สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%
CPALL (ซื้อ/เป้า 70.00 บาท) มีสาขาของ 7-eleven รวมจำนวนสาขา 112 สาขาในกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%
กลุ่มค้าปลีกน้ำมัน
( - ) OR (ขาย/เป้า 12.50 บาท) กัมพูชาสร้าง EBITDA คิดเป็น 4% ของ EBITDA รวมใน 1Q25 โดยมีสถานีบริการน้ำมัน 186 สาขา, Cafe Amazon 254 สาขา, และร้านสะดวกซื้อ 71 สาขา
( - ) TU (ถือ/เป้า 10.50 บาท) ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ส่งออกไปตลาดกัมพูชา 0.01% ของรายได้รวม
( - ) กลุ่มท่องเที่ยว: สถานการณ์ความรุนแรง ไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย โดยมีบางประเทศมีการเตือนนักท่องเที่ยวเลี่ยงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
( - ) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: ผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานกัมพูชาไม่มากและแรงงานส่วนใหญ่ยังทำงานปกติ โดยปัจจุบัน CK ไม่มีแรงงานในสังกัดโดยตรงที่เป็นชาวกัมพูชา, STECON มีแรงงานกัมพูชา 5%, และ SEAFCO มี <10%
( - ) GFPT (ซื้อ/เป้า 13.20 บาท) มีสัดส่วนแรงงานกัมพูชา 20% อย่างไรก็ตามการว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นการติดต่อผ่าน agency โดยหากมีการเลิกสัญญาก่อนกำหนด agency มีหน้าที่จัดหาแรงงานชดเชย ขณะที่ปัจจุบันแรงงานยังทำงานปกติและยังไม่ได้มีการยื่นจำนงขอกลับ