คนไทยเสพติด ‘ขนมหวาน-เบเกอรี่’ แต่ทำไม ‘After You’ ไตรมาส 2/2568 กำไรหดเหลือ 53 ล้านบาท ติดลบ 27%

ปัจจุบันหลายคนเริ่มมองเห็นว่า ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวช้าๆ แต่สำหรับ‘กำลังการซื้อ’ อาจจะยังไม่ฟื้นตาม แม้แต่คนไทยในประเทศที่เลือก ‘ความคุ้มค่า’ มาเป็นอันดับหนึ่ง งานวิจัยจากหลายแห่ง เช่น KResearch(กสิกรไทย) และ สปา-ฮาคูโฮโด เผยว่าผู้บริโภคคิดและเลือกเยอะขึ้น ทุกการจ่ายต้องคุ้มค่า ให้อะไรที่มากกว่า ที่สำคัญพวกเขามีทางเลือกมากขึ้น

ภาพรวมของตลาดธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม (รวมทั้งเบเกอรี่และไอศกรีม) ของปี 2568 ของ KResearch คาดว่าตลอดทั้งปีจะโตแค่ 2.8% ปรับลดจากที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะแตะ 4.5%

โดย 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ปรับลดคาดการณ์ ก็คือ กำลังการใช้จ่ายของคนไทย และ ภาคท่องเที่ยวที่ยังมีความเสี่ยงไม่โตอย่างที่คิดไว้

ถึงแม้ว่าคนไทยกลุ่มใหญ่ยังนิยมของหวานเกือบทุกประเภท แต่ปัจจัยเรื่อง ‘ราคา’ ยังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของหวานอย่าง‘After You’ กำไรหดตัวในไตรมาส 2/2568 ซึ่งได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้

[ After You รายได้เพิ่ม แต่กำไรกลับ ‘ติดลบ’ ]

ข้อมูลผลประกอบการของบริษัทฯ ไตรมาส 2/2568 เผยว่า รายได้จากการขายของบริษัทอาฟเตอร์ยูจำกัด (มหาชน) หรือแบรนด์ร้าน After You ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 80.95 ล้านบาท คิดเป็น 23.80% จากปี 2567

อย่างไรก็ตาม ยอดขายอาจจะเพิ่มแต่กำไรธุรกิจกลับลดลง โดยไตรมาส 2/2568 มีกำไรอยู่ที่ 53 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2567 กำไรอยู่ที่ 73 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลง -27% เทียบปีต่อปี

รายได้ที่เพิ่มขึ้นของ After You มาจากช่องทางขายที่เพิ่มเข้ามาเป็นสำคัญ คือในโมเดิร์นเทรดอย่าง ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น-อีเลฟเว่น ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่ม

แต่อัตรากำไรขั้นต้นจากช่องทางดังกล่าวต่ำกว่ากำไรที่มาจากการขายผ่านร้านสาขา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 62 สาขา เพิ่มขึ้นมา 1 สาขา จากไตรมาสที่ 1/2568 (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568)

โดยในคำอธิบายงบการเงินของบริษัทฯ ได้ให้เหตุผลถึงกำไรที่ลดลงไว้ว่า ส่วนหนึ่งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ของลูกค้าต่างชาติที่ 32.3% ลดลงเล็กน้อยจาก 33.3% ในไตรมาสที่ 2/2567 (คำนวณจากยอดขาย)

ถึงแม้ว่าการเติบโตของการขายสินค้าและวัตถุดิบยอดขายผ่านร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งเริ่มวางขายสินค้าในเดือนกรกฎาคม ปี 2567 และยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะการบินไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 แต่ที่กล่าวมาก็ยังไม่เท่ากับยอดขายที่ลดลงจากหน้าร้าน

ทำให้ยอดขายหน้าร้านสาขาเดิม (SSSG) ของร้าน After You เผชิญปัญหาทั้งเรื่องจำนวนลูกค้าที่ลดลง และยอดขายต่อบิลที่น้อยลงตาม ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมยอดขายเพิ่ม แต่กำไรน้อยลง

ขณะที่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบบางรายการสำหรับเมนูตามฤดูกาล กําไรสุทธิเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น

[ แบรนด์ลูก และรายได้ 4 ช่องทางของ After You ]

มาดูโครงสร้างของบริษัทฯ รายได้หลักๆ มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

1) ร้านขนมหวานและเครื่องดื่ม:สัดส่วนใหญ่สุดของบริษัทฯ ราว 70.9% มาจากสินค้าปรุงสำเร็จรูปขายในสาขา (62 สาขา) ภายใต้ชื่อร้าน ‘Afetr You’ และสินค้าที่ซื้อกลับบ้าน (Take-home product) ผ่านบริการเดลิเวอรี่ สัดส่วนอยู่ที่ 66% ต่อ 34% ซึ่งรายได้จากร้านขนมหวานและเครื่องดื่ม ในไตรมาส 2 ปีนี้ มีมูลค่า 275 ล้านบาท ลดลง 61 ล้านบาท หรือ 18%

นอกจากนี้ ยังมีการขายเครื่องดื่มและขนมหวานในสาขา หรือร้านกาแฟขนาดเล็ก จำนวนทั้งสิ้น 5 สาขา ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ ‘Mikka Coffee Roaster’, การขายผลิตภัณฑ์ที่ทดลองวางในร้านลูกค้า 18 สาขา และร้านกาแฟ Specialty อีก 3 สาขา

2) การขายสินค้าและวัตถุดิบ:ประมาณ 25.8% เช่น การขายวัตถุดิบให้กับร้านแฟรนไชส์ ของ Mikka ในไทย รวมถึงร้านขนมหวาน After You ในต่างประเทศ, การรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ หรือผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ช่องทางออนไลน์ และผ่านสำนักงานใหญ่ ซึ่งในไตรมาสที่ 2 มีมูลค่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77 ล้านบาท หรือ 335%

3) การขายและจัดงานนอกสถานที่:รายได้ราว 2% มาจากการขายและจัดงานนอกสถานที่ เช่น บริการจัดเลี้ยงในงานแต่งงานและงานในโอกาสพิเศษ การออกบูธขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ในรูปแบบ pop-up store ซึ่งในไตรมาส 2 ปีนี้ มีมูลค่า 8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 4 ล้านบาท หรือ 33%

4) ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์: ประมาณ 1.3% จากการรับรู้ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมอื่นๆ รวมถึงส่วนแบ่งจากการขายค้าปลีก (royalty fee) จากแฟรนไชส์ของ ‘After You’ ในต่างประเทศ และแบรนด์ ‘Mikka’ ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีมูลค่า 5 ล้านบาทเท่าเดิมกับปี 2567

สำหรับทิศทางในปี 2568 นี้ After You พยายามปรับตัวหลายด้าน เพื่อให้กำไรกลับมาเป็น ‘บวก’ อีกครั้ง รับมือกับสถานการณืที่อาจจะแย่มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว

เชื่อว่ากลยุทธ์แรกที่ยังทำอย่างต่อเนื่องทั้งปี ก็คือ ‘การออกเมนูใหม่’ สร้างว๊าวโมเมนต์ให้กับลูกค้า ซึ่งได้เปิดตัวเมนูใหม่แล้ว เช่น คากิโกริแมงโก้นาดาซอสศรีราชาพานิช, ขนมปังข้าวเหนียวมะม่วง, มูสชาเขียวมัทฉะ, มังคุดปั่น และ คากิโกริข้าวเหนียวทุเรียน เป็นต้น

นอกจากนี้ การขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ลูกที่ After You ดูแลมีหลายแบรนด์ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ลูกก๊อ และ Mikka’ ดูจากตลาดยังมีโอกาสอีกมาก

ยังมีคาดการณ์ด้วยว่า อุตสาหกรรมเครือข่ายในตลาดไทย ในปี 2567 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 333.3 พันล้านบาท และคาดจะเติบโตที่ 5.4% ส่งผลให้ในปี 2572 แนวโน้มธุรกิจบริการร้านอาหารจะมีมูลค่าพุ่งไปที่ 432.3 พันล้านบาททีเดียว

ต่อจากนี้ก็ต้องมาดูเกมธุรกิจของ After You ว่าจะแก้ไขอย่างไรต่อไป ทั้งแบรนด์ After You และลูกๆ ในร่มเงานี้