โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นไทยหยุดยาว 4 วัน “ขาย” หรือ “ถือต่อ” ? ส่องกลยุทธ์ปรับพอร์ต เน้นหุ้นพื้นฐานดี

Thairath Money

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ถือว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างมาก จากจุดต่ำสุดเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ 1062.78 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1265.15 จุด (ณ วันที่ 7 ส.ค.68) หรือ บวกขึ้นมาแล้วกว่า 19%

แน่นอนว่านักลงทุนที่เข้าซื้อได้ถูกจังหวะ อาจมีกำไรในพอร์ตกันถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาว ความกังวลเรื่องแรงขายทำกำไรก็เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว

ในอีกมุมหนึ่ง ตลาดก็ยังมีปัจจัยบวกให้ลุ้น ทั้งความหวังเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก MSCI และ FTSE ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดเงินทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว 4 วันรวด เนื่องในวันแม่แห่งชาติ และวันหยุดพิเศษ การหยุดยาวเช่นนี้มักทำให้นักลงทุนหลายคน เกิดคำถามว่าจะจัดการกับพอร์ตลงทุนของตัวเองอย่างไรดี

ไม่ต้องรีบขาย แต่ให้แบ่งทำกำไร

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองตรงกันว่า แม้จะมีแรงกดดันก่อนวันหยุดยาว แต่นักลงทุน ยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบเทขายหุ้นทั้งหมด เนื่องจากภาพรวมตลาดยังแข็งแกร่งและไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ ที่น่ากังวล ที่สำคัญคือ กระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ได้

นอกจากนี้ หลังวันหยุดยาว มีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะช่วยหนุนให้เป้าหมายดัชนี SET Index ขยับขึ้นไปได้อีก นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนดัชนี MSCI รอบใหม่ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ด้วย

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วันนี้คาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบและอาจผันผวน เนื่องจากเข้าใกล้วันหยุดยาว ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการลงทุนหรือเลือกขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมามาก

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดยังไม่เห็นปัจจัยเสี่ยงที่รุนแรง ประกอบกับกระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย จะเป็นปัจจัยช่วยพยุงตลาดไว้ ทำให้เชื่อว่าดัชนีฯ มีโอกาสปิดในแดนบวกได้

แม้จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว แต่ด้วยปัจจัยบวกจาก Fund Flow และภาพรวมที่ไม่มีความเสี่ยงใหม่ๆ เข้ามา จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบเทขายหุ้น ดัชนีฯ มีแนวรับสำคัญที่ 1,250 จุด

กลยุทธ์หลักแนะนำ "ถือหุ้นบางส่วนข้ามสัปดาห์ และแบ่งขายทำกำไรบางส่วน" สำหรับหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมามากแล้วเพื่อล็อคกำไร การลงทุนในช่วงนี้ยังคงเน้นกรอบเวลาที่สั้นลงและหมุนเวียนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) เร็วขึ้น

กลุ่มหุ้นน่าสนใจ ได้แก่

  • หุ้นพื้นฐานดีที่ยัง Laggard - หุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มากนักและมีความเสี่ยงขาลงจำกัด เช่น STA*, AMATA*, SCGP*, LH*

  • หุ้นนำตลาด (Market Leaders) - หุ้นที่ตลาดให้ความสนใจและมีสภาพคล่องสูง เช่น DELTA*, AOT, TRUE*, SCB, KBANK

ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า แม้วันนี้ตลาดหุ้นไทยอาจถูกกดดันจากก่อนหยุดยาว แต่เชื่อว่า ยังมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลกอยู่ ทั้งโอกาสการเพิ่มน้ำหนักของ MSCI และ FTSE, โอกาสการลดดอกเบี้ย และการผ่านงบประมาณปี 69 วาระ 2 และ 3

โดยการปรับรายชื่อหุ้นของดัชนี MSCI รอบใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ มีหุ้นไทยหลายตัวที่ถูกถอดออก ได้แก่ HMPRO และ OR จากดัชนีหลัก (Global Standard) รวมถึง ICHI, SISB, และ TPIPL จากดัชนีหุ้นขนาดเล็ก (Global Small Cap) ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น

ในทางกลับกัน หุ้น KTC เป็นหุ้นไทยเพียงตัวเดียวที่ได้ปรับเข้าดัชนีหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ เข้ามา อีกทั้งยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงอีกด้วย

อีกปัจจัยที่ต้องจับตาคือความหวังเรื่อง "ดอกเบี้ยขาลง" ซึ่งจะชัดเจนขึ้นหลังการประชุมของ กนง. ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามี 2 ทางเลือก คือ อาจจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ คงไว้ที่ 1.75% เท่าเดิม

หาก กนง. ตัดสินใจลดดอกเบี้ยจริง ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าจะเป็นผลดีอย่างมากต่อตลาดหุ้น และอาจผลักดันให้เป้าหมายดัชนี SET Index ปรับตัวสูงขึ้นได้ ไปอยู่ที่ระดับ 1,433 จุด

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ อาจเน้นไปที่หุ้นได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง แนะนำหุ้นกลุ่มการเงิน KTC, MTC, TIDLOR กลุ่มอสังหา SPALI, SIRI และหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน CPF, TU, ITC,KCE, HANA, DELTA เป็นต้น

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตลาดหุ้นไทยหยุดยาว 4 วัน “ขาย” หรือ “ถือต่อ” ? ส่องกลยุทธ์ปรับพอร์ต เน้นหุ้นพื้นฐานดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Money

OpenAI เปิดตัว GPT-5 ฉลาดครบจบในโมเดลเดียว เก่งเลข เขียนโค้ด วินิจฉัยสุขภาพ ไม่หลอนไม่มั่นเกินจริง

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 8 สิงหาคม 2568 ปรับเพิ่ม 150 บาท ราคาทองรูปพรรณ บาทละ 52,650 บาท

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

“ภาษีใหม่ทรัมป์” ฉุดเศรษฐกิจโลกหด 2 ล้านล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้เปิดฉากระเบียบเศรษฐกิจใหม่ Turnberry System

การเงินธนาคาร

CIMB THAI เปิดตัว “Sustainability360” โครงการที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน

การเงินธนาคาร

ท่องเที่ยวตีปีกรับไฮซีซัน ยอดจองโรงแรม ‘ภูเก็ต’ ล่วงหน้าพุ่ง

ฐานเศรษฐกิจ

ธนาคารกรุงเทพ แจ้งปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าเช้าวันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม 2568 02.00 น. – 09.00 น.

BTimes

J.P.Morgan ปรับคาดการณ์ “เฟด” หั่นดอกเบี้ยเร็วขึ้น 0.25% เดือน ก.ย.68

การเงินธนาคาร

ก.ล.ต. ออกเกณฑ์กำหนดมาตรฐานผู้ประกอบธุรกิจคริปโตร่วมรับผิดชอบ

ฐานเศรษฐกิจ

วิเคราะห์ “นันยาง” จับกระแสรักชาติ เปิดตัว ’รองเท้าพิทักษ์ 68‘ การตลาดได้ใจคนไทย

Positioningmag

จบทุกปัญหาฝาท่อ! ซีแพคผุดนวัตกรรมใหม่ ลดเสี่ยง-เพิ่มความมั่นใจให้คนเมือง

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไทย-กัมพูชา ประกาศหยุดยิง จับตาโต๊ะเจรจา “ภาษีทรัมป์” หุ้นไทยไปทางไหนต่อ?

Thairath Money

BH บวกแรง 3 วัน พุ่งทะลุ 18% แม้งบไตรมาส 2/68 ชะลอตัว เปิด 5 เหตุผล ทำไมหุ้นโรงพยาบาลยังไปต่อ

Thairath Money

ตลาดหุ้นไทยหยุดยาว 4 วัน “ขาย” หรือ “ถือต่อ” ? ส่องกลยุทธ์ปรับพอร์ต เน้นหุ้นพื้นฐานดี

Thairath Money
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...