OpenAI เปิดตัว GPT-5 ฉลาดครบจบในโมเดลเดียว เก่งเลข เขียนโค้ด วินิจฉัยสุขภาพ ไม่หลอนไม่มั่นเกินจริง
OpenAI เจ้าของ ChatGPT เปิดตัวโมเดลใหม่ “GPT‑5” อย่างเป็นทางการ ยกระดับความอัจฉริยะขึ้นอีกขั้น กลายเป็นโมเดล AI ที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในเรื่องการเขียนโปรแกรม คณิตศาสตร์ เขียนบทความ สุขภาพ วิเคราะห์ภาพ และอีกมากมายในระดับเดียวกับผู้เชี่ยวชาญ
ทำให้เป็นระบบเดียว
GPT‑5 ถูกออกแบบมาให้เป็นระบบแบบ Unified System หรือระบบรวมศูนย์อัจฉริยะ ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- โมเดลฉลาด (Smart, Efficient Model) ที่จะตอบคำถามทั่วไปได้เร็วและแม่นยำขึ้น
- โมเดลคิดลึก (Deeper Reasoning Model) หรือก็คือ GPT‑5 Thinking ใช้สำหรับคำถามที่ซับซ้อน ต้องการเหตุผลเชิงลึก
- ระบบ Real‑time Router ที่จะคอยตัดสินใจอัตโนมัติว่าควรใช้โมเดลไหน โดยพิจารณาจากบริบท ความซับซ้อน หรือคำสั่งจากผู้ใช้ เช่น หากพิมพ์ว่า “คิดให้ลึกนะ” ระบบก็จะเปิดโหมดคิดวิเคราะห์ทันที
อย่างไรก็ตาม หากใช้งานเกินขีดจำกัด ระบบจะสลับไปใช้เวอร์ชัน mini โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเร็วและประหยัดกว่า โดยอนาคต OpenAI มีแผนรวมทุกความสามารถไว้ในโมเดลเดียว
OpenAI เปิดตัวโมเดล GPT‑5 ขึ้นมาเพื่อ “แทนที่” โมเดลเดิมเกือบทั้งหมดในไลน์อัปเดิมของบริษัท โดยมีการจัดโครงสร้างใหม่ชัดเจน ดังนี้
โมเดลเก่า โมเดลใหม่ (GPT‑5) GPT-4o GPT‑5-main GPT‑4o-mini GPT‑5-main-mini OpenAI o3 GPT‑5-thinking OpenAI o4-mini GPT‑5-thinking-mini GPT‑4.1-nanoOpenAI o3 Pro GPT‑5-thinking-nano OpenAI o3 Pro GPT‑5-thinking-pro
หรือสรุปง่าย ๆ คือ
- GPT‑5-main คือ รุ่นมาตรฐานใช้ตอบคำถามทั่วไป
- GPT‑5-thinking คือ รุ่นคิดลึก ตอบคำถามซับซ้อน
- GPT‑5-thinking-pro คือ รุ่นคิดลึกระดับโปร สามารถประมวลผลพร้อมกันหลายชุด เหมาะสำหรับงานวิจัยหรือวิเคราะห์เชิงลึกมาก ๆ
ทั้งนี้ GPT‑5 ไม่เพียงแต่จะเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น แต่ยังถูกปรับปรุงให้ตอบคำถามในโลกจริงได้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นลดข้อผิดพลาดหรือหลอนข้อมูล (Hallucinations) ทำตามคำสั่งได้แม่นยำขึ้น และไม่เอาใจผู้ใช้เกินเหตุ (ลดอาการ Sycophancy)
โดยเฉพาะใน 3 ด้านยอดฮิตที่ผู้ใช้ ChatGPT นิยมมากที่สุด ทั้งการเขียน (Writing) การเขียนโค้ด (Coding) และการให้ข้อมูลด้านสุขภาพ (Health)
โค้ดเทพขึ้น เขียนเว็บ-แอปฯ ได้ในคำสั่งเดียว
OpenAI เคลมชัดเจนว่า GPT‑5 คือโมเดลที่เก่งโค้ดที่สุดในประวัติศาสตร์ OpenAI โดยสามารถสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือเกมที่ดูดี มีความสวยงาม ตอบสนองไวได้ในแค่คำสั่งเดียว พร้อมดีไซน์ที่ดูเข้าใจสไตล์มนุษย์ ทั้งระยะห่าง ตัวหนังสือ ไปจนถึงการจัดวางองค์ประกอบ
นักพัฒนาที่ได้ทดลองใช้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า GPT‑5 เข้าใจศิลปะของ UI/UX ได้ดีแบบที่ไม่เคยเห็นในเวอร์ชันก่อนหน้า โดยภายในเว็บไซต์ของ OpenAI ก็ได้นำเสนอตัวอย่างเกมที่สร้างขึ้นมาจากการ Prompt เพียงครั้งเดียว (เข้าชมได้ที่ OpenAI)
เขียนเก่งขึ้น เข้าใจจังหวะ สื่อสารได้มีมิติ
เคลมต่อกับโมเดล GPT‑5 ที่ OpenAI มองว่าเป็นเพื่อนร่วมเขียนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ OpenAI เคยสร้างมาโดยสามารถช่วยผู้เขียนต่อยอดไอเดียที่ยังไม่ชัดเจนให้กลายเป็นงานเขียนที่น่าสนใจ มีจังหวะ มีน้ำหนัก และลึกซึ้งในแบบที่เข้าถึงอารมณ์ผู้อ่านได้
โดยทำการยกตัวอย่างงานเขียน อย่างเช่น เขียนบทร้อยกรอง เขียนบทกลอนแบบไม่ต้องมีคำคล้องจอง GPT‑5 ก็สามารถร้อยเรียงออกมาได้อย่างลื่นไหลและเคารพในรูปแบบเดิมไปพร้อมกับมีความชัดเจนทางอารมณ์
ด้วยความสามารถที่ดีขึ้นกว่าโมเดลก่อนหน้าในงานเขียน ทำให้ GPT‑5 สามารถเขียนได้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แต่งกลอน ออกแบบคำอวยพร แถมยังช่วยงานวางแผน (Planning) เขียนอีเมลธุรกิจ สรุปบันทึกการประชุม หรือแม้กระทั่งงานเขียนเชิงวรรณกรรมได้ดียิ่งขึ้นด้วย
OpenAI ยังได้เปรียบเทียบสไตล์งานเขียนระหว่าง GPT‑5 และ GPT‑4o ผ่านตารางเปรียบเทียบโดยตรง (เข้าชมได้ที่ OpenAI)
ไม่ใช่หมอ แต่เก่งตอบคำถามสุขภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ GPT‑5 ยังเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ OpenAI ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยสามารถช่วยให้ผู้ใช้มีความรู้เพียงพอที่จะเข้าใจปัญหาสุขภาพของตัวเอง เตรียมคำถามไปคุยกับหมอและช่วยเปรียบเทียบทางเลือกในการรักษาได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
GPT‑5 ได้คะแนนสูงสุดในแบบทดสอบ HealthBench ที่ OpenAI พัฒนาขึ้นโดยอิงจากสถานการณ์จริง และเกณฑ์ที่แพทย์เป็นผู้กำหนด ซึ่งเหนือกว่าโมเดลก่อนหน้าทุกตัว
สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือ GPT‑5 ไม่เพียงแค่ตอบ แต่ยังมีพฤติกรรมเหมือน “คู่คิดด้านสุขภาพ” คอยตั้งคำถามให้ผู้ใช้ไปคิดต่อ เสนอข้อควรระวัง ปรับคำตอบให้เหมาะกับบริบท ความรู้ และภูมิภาคของผู้ใช้ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
อย่างไรก็ตาม OpenAI ย้ำชัดว่า ChatGPT ไม่ใช่หมอ และไม่ได้มีไว้เพื่อทดแทนผู้เชี่ยวชาญ แต่จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจผลตรวจสุขภาพ ตั้งคำถามที่ใช่ และชั่งน้ำหนักทางเลือก ก่อนตัดสินใจร่วมกับผู้ให้บริการทางการแพทย์
เป็นเหมือน “ผู้ช่วยอัจฉริยะ”
GPT‑5 พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนในด้านการทำตามคำสั่ง (Instruction Following) และการใช้เครื่องมือแบบเอเจนต์ (Agentic Tool Use) ซึ่งเป็นความสามารถสำคัญที่ทำให้สามารถรับมือกับคำสั่งหลายขั้นตอนแบบซับซ้อนได้ ประสานการทำงานกับเครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน และปรับตัวเข้ากับบริบทหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที
หรือกล่าวง่าย ๆ คือ GPT‑5 เหมือน “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่สามารถรับคำสั่งยาก ๆ แล้วลงมือทำให้จบจริง แบบครบวงจร โดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการให้ GPT-5 วางแผนโปรเจกต์ที่ต้องใช้ทั้งตาราง Excel เขียนโค้ด สรุปส่งอีเมล GPT‑5 ก็จะสามารถทำครบทุกขั้นตอนได้อย่างเป็นระบบ
พูดตรงขึ้น ไม่มั่ว ไม่มั่นเกินจริง
GPT‑5 (โดยเฉพาะเวอร์ชัน Thinking) ยังถูกออกแบบให้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่งานนั้นทำไม่ได้จริง คำสั่งยังไม่ชัดเจน หรือไม่มีเครื่องมือเพียงพอที่จะใช้ตอบคำถาม ที่ในอดีตโมเดล Reasoning อาจโกหกแบบเนียน ๆ ว่าทำงานสำเร็จ หรือแสดงความมั่นใจเกินเหตุ ทั้งที่คำตอบไม่แน่นอนเลยด้วยซ้ำ
โดยทีม OpenAI ได้ทำการทดสอบโดยใช้ CharXiv Benchmark ซึ่งเป็นชุดทดสอบแบบมัลติโหมด (ผสมภาพ + ข้อความ) โดยทำการลบภาพออกจากคำสั่งทดสอบทั้งหมด แล้วดูว่าโมเดลจะตอบอย่างไร ผลคือ OpenAI o3 ยังคงตอบมั่นใจถึง 86.7% ทั้งที่ภาพไม่อยู่จริง แต่ GPT‑5 ตอบแบบมั่นใจแค่ 9% เท่านั้น แปลว่ารู้ตัวมากกว่าว่าตัวเองไม่มีข้อมูลพอจะตอบ
นอกจากงานด้านภาพแล้ว GPT‑5 ยังถูกทดสอบกับงานเขียนโค้ดที่ทำไม่ได้จริง หรือมีข้อมูลไม่ครบ ผลที่ได้คือ GPT‑5 (Thinking) มีอัตราการหลอกหรือมั่วน้อยกว่า o3 ในทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม แม้ GPT‑5 จะซื่อตรงมากขึ้น แต่ OpenAI ยอมรับว่ายังมีงานต้องทำต่อ โดยในขณะนี้ทีมกำลังวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้โมเดลฉลาดขึ้น โดยไม่ต้องโกหกและมีความแม่นยำด้านข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น
ใครใช้ได้บ้าง?
GPT‑5 เริ่มทยอยเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันนี้สำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม
- ผู้ใช้ทั่วไป (ฟรี): ใช้งาน GPT‑5 ได้แบบจำกัด
- ผู้ใช้ Plus (เสียเงิน): ใช้งาน GPT‑5 ได้มากขึ้น
- ผู้ใช้ Pro (เสียเงินแพงกว่า): ได้ใช้เวอร์ชัน GPT‑5 Pro ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ระดับลึกยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานวิจัยหรือคำถามที่ซับซ้อนมาก
ส่วนกลุ่มองค์กรและสถาบันการศึกษา (Enterprise และ Edu) จะได้ใช้งานในสัปดาห์ถัดไป และเมื่อผู้ใช้ฟรีใช้งานถึงลิมิต ระบบจะสลับไปใช้ GPT‑5 mini อัตโนมัติ ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เล็กกว่า เร็วกว่า แต่ยังคงฉลาด และรองรับคำถามทั่วไปได้ดี
ที่มา: OpenAI [1][2], Blog: Simon Willison
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : OpenAI เปิดตัว GPT-5 ฉลาดครบจบในโมเดลเดียว เก่งเลข เขียนโค้ด วินิจฉัยสุขภาพ ไม่หลอนไม่มั่นเกินจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- Tim Cook ประกาศความสำเร็จ iPhone มียอดขาย 3 พันล้านเครื่องทั่วโลก
- Open Source คืออะไร ทำไมเป็นประเด็นร้อนวงการ AI? เมื่อ Meta-DeepSeek-OpenAI ปล่อย AI ให้ใช้ฟรี
- GPT-5 เปิดตัวแล้วสำหรับผู้ใช้งาน ChatGPT ทุกคน ชูจุดขายเป็นโมเดลที่เขียนโค้ดและคอนเทนต์ดีที่สุด
- OpenAI เพิ่มกลไกป้องกันด้านสุขภาพจิตบน ChatGPT แจ้งเตือนกรณีใช้งานนานเกินไป
- ChatGPT Agent เจ๋งกว่าเดิมยังไง ? ผู้ช่วย AI ใหม่ ไม่ได้แค่ตอบคำถาม แต่ทำงานแทนได้เลย
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath