(แก้ไข) สรุป Opp Day : SCGD มั่นใจ EBITDA ปีนี้ยังเติบโต - ปิดปีมีกำไร พร้อมเล็งหาดีล M&A ขยายกำลังผลิต
(แก้ไข) สรุป Opp Day : SCGD มั่นใจ EBITDA ปีนี้ยังเติบโต - ปิดปีมีกำไร พร้อมเล็งหาดีล M&A ขยายกำลังผลิต
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -21 ส.ค. 68 10:50 น.
แก้ไข :จากรายได้ลดลง 5-7% เป็น ยอดขายลดลง 5-7%
SCGD รับยอดขายปี 68 มีแนวโน้มลดลง 5-7% จากเดิมคาดเติบโต 5% หลังตลาดในปท.ยังผันผวน - บาทแข็งค่า แต่มั่นใจ EBITDA ยังโตกว่าปีก่อน หวังแรงหนุนตลาดเวียดนามชดเชย -ต้นทุนลดลง ยันปิดปีผลงานยังเป็นกำไร พร้อมมองหาดีล M&A เดินหน้าลงทุนขยายกำลังการผลิต คงเป้าเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ในปี 73
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยว่า เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทคาดว่า ยอดขายในปีนี้จะชะลอลงประมาณ 5-7% จากต้นปีที่คาดจะเติบโต 5% หลังเกิดปัจจัยผันผวน โดยเฉพะในประเทศ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ยอดขายกระเบื้องและสุขภัณฑ์ชะลอตัวต่อเนื่อง
แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง คาดทรงตัวจากครึ่่งปีแรก เนื่องจากยอดขายในไทยยังชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ธุรกิจใหม่ยังหาทางเติบโตได้ เช่น กระเบื้องพอร์ซเลน และกระเบื้อง SPC แต่บริษัทพยายามผลักดันยอดขายในประเทศเวียดนามให้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยยอดขายในประเทศที่หายไป
"ครึ่งปีหลังภาพรวมในไทยทรงตัว ยังไม่เห็นสัญญาญบวกที่ชัดเจน ขณะที่เวียดนามทิศทางชัดเจน สัญญาณฟื้นตัวชัดเจนจากที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กระตุ้นการก่อสร้างและการลงทุนต่างๆ ส่งผลช่วยอย่างมาก ที่จะมาชดเชยยอดขายในไทยที่ชะลอตัวในครึ่งปีหลังนี้ ส่วนฟิลิปปินส์ทรงตัว แต่อินโดนีเซียความต้องการเพิ่มขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ปีนี้แม้ยอดขายชะลอตัว 5-7% แต่ EBITDA จะเติบโตจากปีที่แล้ว ความสามารถในการทำกำไรจะโต จากการลดต้นทุนพลังงาน ลดต้นทุนวัตถุดิบต่อเนื่อง และขยายกำลังการผลิตในประเทศเวียดนาม เรามั่นใจว่าผลงานทั้งปียังเป็นกำไร และยังมองหาโอกาสการซื้อกิจการ (M&A) ต่อเนื่อง
สำหรับแผนในระยะยาว ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ภายในปี 2573 และเพิ่มสัดส่วนการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เป็น 50% ปริมาณการผลิตทั้งหมด ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตสูง จากคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP หรือการขยายตัวของเมืองในแต่ละประเทศ ที่จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างมากขึ้น
"เราหวังโตในอาเซียน ใน 5 ปีข้างหน้า ไทย GDP คงโตไม่มาก แต่ต่างประเทศ เวียดนาม อินโดนีเซีย มีความต้องการบ้านและที่อยู่อาศัยมากขึ้น"
นอกจากนี้ ในเมียนมา หลังฟื้นตัวจากแผ่นดินไหว มีสัญญาณบวก คาดตลาดมีดีมานด์สูงในปลายปีนี้ถึงต้นปี 69 จะช่วยชดเชยตลาดไทยที่ชะลอด้วย ส่วนในกัมพูชา ยอดขายไม่มาก ถ้าเหตุการณ์สงบ บริษัทก็เตรียมหาทางส่งสินค้าเข้าไปในตลาดหลักของกัมพูชาให้เร็วที่สุด ถ้าสถานการณ์จบเร็วก็กระทบไม่มาก
เรียบเรียง โดย สุรเมธี มณีสุโข
อีเมล์. suramatee@efnancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ