หุ้นญี่ปุ่นร่วงลงแรง ตลาดกังวลหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ
บลูมเบิร์ก รายงานหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงแรงในวันจันทร์ (4 ส.ค.) หลังจากข้อมูลการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก หุ้นธนาคารและบริษัทส่งออก เช่น รถยนต์ เป็นตัวนำในการปรับตัวลดลง หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี Topix และดัชนีNikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นชั้นนำ ร่วงลงอย่างน้อย 2% ในการซื้อขายช่วงเช้า ซึ่งเป็นการลดลงระหว่างวันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน เงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในวันศุกร์
รายงานการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการปรับลดอัตราการเติบโตของการจ้างงานที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด โดยตัวเลขปรับใหม่ของการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมลดลงเกือบ 260,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนรวมกัน ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯสิ้นสุดการเพิ่มขึ้นติดต่อกันหกวัน
การลดลงของหุ้นญี่ปุ่นเกิดขึ้นก่อนครบรอบหนึ่งปีของภาวะวิกฤตตลาดหุ้นในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ดัชนี Topix ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1987 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิด ประกอบกับความกังวลทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ โดยก่อนการร่วงลงในวันจันทร์นี้ ดัชนีได้ฟื้นตัวขึ้นประมาณ 30% นับตั้งแต่นั้นมา
“ผมหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ซ้ำรอยเหมือนปีที่แล้ว” เดวิด แฟนดริช ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Carlson Capital LP กล่าว พร้อมเสริมว่า การที่ตลาดเร่งคืนเงินกู้เยนในปีที่แล้วมีส่วนทำให้เกิดการเทขายในตลาด และความซับซ้อนจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้สถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป“ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะงักงันจะยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่าผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้”
ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงฤดูผลประกอบการ โดยคาดว่าจะมีรายงานผลประกอบการของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอย่าง Mitsubishi UFJ Financial Group รวมถึง Sony Group และบริษัทส่งออกรถยนต์อย่าง Toyota Motor ในสัปดาห์นี้
“การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินเยนและข้อมูลของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากในอนาคตสำหรับผู้ส่งออกหุ้นขนาดใหญ่” แม้ว่าหุ้นขนาดเล็กที่มุ่งเน้นอุปสงค์ภายในประเทศอาจได้รับประโยชน์จากสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้น เจมี ฮัลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Senjin Capital กล่าว “เมื่อสหรัฐฯ จาม โลกก็จะเป็นหวัด ดังนั้นผมจึงคาดว่านักลงทุนในตลาดหุ้นจะมีความระมัดระวังมากขึ้น”