ซีเรียระอุ! ปะทะระหว่าง 2 ชนเผ่า ดับ 37 ราย
กระทรวงความมั่นคงภายในของซีเรีย เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 30 รายและมีผู้บาดเจ็บ 100 คน หลังเกิดเหตุยกพวกทำร้ายกันในเมืองสุไวดา ทางภาคใต้ของซีเรียเมื่อวานนี้(13 ก.ค.) ระหว่าง 2 ชนเผ่าคือ เผ่าเบดูอินที่นับถืออิสลามนิกายสุหนี่ กับ นักรบจากชนเผ่าดรูซ ที่แยกย่อยมาจากนิกายสุหนี่ของอิสลาม ขณะที่องค์กรเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนรายงานตัวเลขที่ต่างกัน โดยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ส่วนใหญ่(27 ราย รวมเด็ก 2 ราย)เป็นชาวดรูซและอีก 10 ราย เป็นชนเผ่าเบดูอิน ทำให้รัฐบาลซีเรียต้องส่งกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์ พร้อมสั่งปิดถนนสายกรุงดามัสกัส-เมืองสุไวดาชั่วคราว
นายมุสตาฟา อัลบากูร์ ผู้ว่าการจังหวัดสุไวดาและผู้นำศาสนาในท้องถิ่น ขอให้ประชาชนใช้ความอดกลั้น และให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปการเมืองของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาลประธานาธิบดีอาห์เหม็ด อัล-ชารา ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของสถานการณ์ด้านความั่นคงในซีเรีย หลังเกิดสงครามกลางเมือง 14 ปี และความท้าทายในการสร้างเอกภาพ ภายใต้รัฐบาลใหม่ของซีเรีย
ทั้งนี้ เหตุปะทะเริ่มขึ้นหลังเกิดเหตุลักพาตัวพ่อค้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชนเผ่าดรูซ ในบริเวณทางหลวงเส้นหนึ่ง ระหว่างกรุงดามัสกัสกับเมืองสุไวดาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(11 ก.ค.) ทำให้ชนเผ่าดรูซ ตอบโต้ด้วยการลักพาตัวชนเผ่าเบดูอิน และเหตุปะทะกันเริ่มลุกลามขึ้น นับเป็นเหตุปะทะระหว่างชุมชนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในซีเรียในรอบหลายปี
#ซีเรีย
#เหตุปะทะระหว่างชนเผ่า
ที่มา:bbc