รัฐช่วยอุ้มข้าว-ลำไยราคาตก อัดเงิน 4 หมื่นล้านจ่ายชดเชย
“ข้าว-ลำไย” กอดคอราคาร่วงหนัก จากตันละหมื่น เหลือแค่ 5-6 พัน แถมโดนหางเลขมาตรการเปิดนำเข้าข้าวโพดสหรัฐ ทำรำข้าว-ปลายข้าวราคาตกไปด้วย นบข.ประชุมพิจารณามาตรการช่วยเหลือ หลังจากอนุมัติเงินเยียวยาแล้ว 3 รอบ แต่จนถึงตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหน คาดใช้งบประมาณทะลุ 7,200 ล้าน บ่น “ธงเขียว” ก.พาณิชย์ให้น้อยไป ช่วยค่าปุ๋ยแค่ครึ่งเดียว ด้านฟรุตบอร์ดอัดฉีดพันล้านพัฒนาลำไยส่งออก แก้ปัญหาราคาตก ช่วยชาวสวน 8 จว.ภาคเหนือไร่ละ 1,400 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 13 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) นัดประชุม ครั้งที่ 3/2568 มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวโลกข้าวไทย รวมถึงความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาทบทวนโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี และส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ปีการผลิต 2568/69 รวมไปถึงเงื่อนไขโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2568 แนวทางการจัดสรรปริมาณข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรป สำหรับปี 2569-2571 รวมไปถึงการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2568 ด้วย
สมาคมชาวนาร้องรัฐช่วย
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลุ่มชาวนาคาดหวังว่าที่ประชุม นบข. จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรัง ในอัตรา 1,000 บาท/ไร่ ไม่เกิน 10 ไร่ จ่ายสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท โดยปัจจุบันชาวนาได้ขึ้นทะเบียนแล้ว 8.5 แสนราย กว่า 11 ล้านไร่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 7,200 ล้านบาท รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปี วงเงิน 1,200 บาท จึงคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณกว่า 40,000 ล้านบาท
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐไม่ได้มีมาตรการเข้ามาดูแลชาวนา ขณะที่ต้นทุนการเพาะปลูกก็สูงขึ้น แต่ราคาข้าวกลับลดลงมาก ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ราคาข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยตกลงมาอยู่ที่ 5,000-6,000 บาทต่อตัน จากก่อนหน้าเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 10,000 บาทต่อตัน ส่วนต้นทุนการเพาะปลูกอยู่ที่ 6,000-6,500 บาทต่อไร่
อินเดียส่งออก-เหตุราคาตก
ราคาข้าวที่ปรับลดลงเป็นผลมาจากแรงกดดันที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง ที่ผ่านมาสมาคมได้เสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ช่วยเหลือ โดยการเร่งหาและจัดทำแหล่งน้ำ พัฒนาเมล็ดพันธุ์และกระจายให้กับชาวนา ส่วนด้านกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้เร่งช่วยเหลือต้นทุนการเพาะปลูก เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำมัน
ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จัดทำโครงการ “ธงเขียว” แต่ยังเห็นว่า ช่วยน้อยไป เพราะชาวนาต้องการปุ๋ย 1 ไร่ประมาณ 10 กระสอบ แต่โครงการกำหนด 1 ไร่ต่อ 5 กระสอบ ลดราคากระสอบ 50 กิโลกรัม อยู่ที่กระสอบละ 200 บาท ซึ่งยังไม่เพียงพอ
เยียวยาไร่ละพันยังไม่ได้เงิน
รายงานข่าวระบุว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังปี 2568 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่ายสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท นบข.มีมติช่วยเหลือมาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 แต่รอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ก่อน เพื่อจะได้รู้ว่า มีจำนวนเกษตรกรนาปรังที่ต้องช่วยเหลือเท่าไร และจะได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือได้
แต่หลังลงทะเบียนเสร็จสิ้น พบว่ามีเกษตรกรขึ้นทะเบียนมากถึง 850,000 ครัวเรือน จากปีก่อนประมาณ 350,000 ราย คาดใช้เงินประมาณ 7,200 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรฯจะเป็นผู้เสนอให้ นบข.พิจารณาอนุมัติ แต่ผ่านการประชุม นบข.มาแล้ว 3 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
รำข้าว-แกลบราคาร่วงด้วย
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือก โดยเฉพาะข้าวเจ้าน่าห่วงมาก เพราะว่ามีการปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000-7,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิเฉลี่ย 15,000-15,800 บาทต่อตัน ราคายังทรงตัวและเป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่ไม่น่าห่วง อีกทั้งข้าวหอมมะลิยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว
สิ่งที่น่ากังวลคือข้าวขาว โดยส่วนใหญ่จะปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน มากสุดในช่วงฤดูนาปรัง แต่ที่ผ่านมาเวลาข้าวราคาลดลง จะมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยรับซื้อรำข้าวและปลายข้าว ซึ่งเป็นผลผลิตพลอยได้จากข้าวประมาณ 21 ล้านตัน แต่ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการอาหารสัตว์ได้ชะลอ ดูทิศทางการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการประเมินว่าอาจจะมีการนำเข้า 5-6 ล้านตัน
หากผู้ผลิตอาหารสัตว์ไม่มีการรับซื้อรำข้าว ซึ่งต้องใช้ในกลุ่มอาหารสัตว์ประมาณ 3 ล้านตัน เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อราคา เห็นได้จากตอนนี้ราคาปลายข้าวลดลงจากก่อนหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ 13 บาทต่อกิโลกรัม ลงมาอยู่ที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม หรือแม้กระทั่งแกลบ ปัจจุบันราคาลดลงมาเหลืออยู่ที่ 70-80 สตางค์ต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 1.70-1.78 บาทต่อกิโลกรัม
ส่งออกข้าวไม่ถึง 7.5 ล้านตัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การประเมินผลผลิตข้าวนาปี 2568/69 คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตมากขึ้น เพราะดิน ฟ้า อากาศดี คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวนาปรัง 10 ล้านตัน นาปี 24 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนผลผลิตข้าวในปีหน้าคาดว่าจะลดลง เพราะราคาข้าวเปลือกภายในประเทศในปีนี้ลดต่ำลง อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจปลูกข้าวของชาวนา
ขณะที่ผลผลิตข้าวในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม เมียนมา ปีนี้ผลผลิตดีขึ้น เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย ปีนี้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านตัน ทำให้อินโดฯไม่มีคำสั่งซื้อข้าวขาวในปีนี้เลย
“ไทยจำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อแข่งขัน โดยเฉพาะข้าวพื้นนิ่ม รวมไปถึงการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพราะยังต่ำกว่าเวียดนาม และดูแลเรื่องต้นทุนการผลิต เพราะต้นทุนการผลิตของไทยยังสูงมาก ดังนั้น ต้องเข้ามาดูแลอุตสาหกรรมข้าวอย่างจริงจัง หวั่นว่าในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า การส่งออกข้าวไทยอาจลดลงได้”
เร่งเปิดตลาดซาอุฯ-ญี่ปุ่น
ส่วนเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ไทยตั้งเป้าหมายไว้ทั้งปีอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน เมื่อดูปริมาณการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีแรกมีปริมาณอยู่ที่ 3.6 ล้านตัน จึงคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 7 ล้านตัน อาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่ราคาข้าว โดยเฉพาะข้าวขาว ใกล้เคียงกับคู่แข่ง เช่น ข้าวขาวไทยอยู่ที่ 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนามอยู่ที่ 380-385 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนอินเดียเฉลี่ยอยู่ที่ 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ข้าวหอมมะลิไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่การจะแข่งขันได้ เรื่องเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนก็มีส่วนสำคัญ มองว่าไม่ควรให้ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไป ค่าเงินบาทควรอยู่ที่ 33-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ รวมไปถึงการเร่งเปิดตลาดทั้งซาอุดีอาระเบีย อิรัก และผลักดันโควตาส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นให้เพิ่มขึ้น
พาณิชย์ชง นบข.ชดเชย
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์หารือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง รวมไปถึงแนวโน้มการส่งออก การตลาดและทิศทางราคาข้าว พร้อมทั้งสั่งการให้กรมการค้าภายในเตรียมออกมาตรการดูแลข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ตั้งเป้าช่วยระบายผลผลิตข้าวประมาณ 8.5 ล้านตัน ผ่านการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการจัดเก็บข้าวในยุ้งฉางของเกษตรกร เพื่อเพิ่มแรงซื้อภายในประเทศ
นอกจากนี้ สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ ประสานรัฐบาลจีนเพื่อผลักดันส่งออกเข้าไทยตามโควตาที่เหลือ 2.8 แสนตัน และเร่งขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย บังกลาเทศ รวมถึงฮ่องกง เป็นต้น
ส่งธงเขียวช่วยลดค่าใช้จ่าย
ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว แจ้งไปว่ากรมการค้าภายในเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว ซึ่งจะเสนอ นบข.พิจารณา มีโครงการสำคัญ อาทิ การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 โครงการประกันภัยข้าวนาปี รวมถึงมาตรการชดเชยไร่ละ 1,000 บาท สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง
ขณะที่กรมการค้าภายในจะออกโครงการ “ธงเขียวราคาประหยัด” ช่วยลดต้นทุนการผลิตผ่านการจัดจำหน่ายปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงคุณภาพสูงในราคาประหยัด โดยมีปุ๋ยเคมี 6 สูตรจำหน่ายในราคากระสอบละ 200 บาท พร้อมยาฆ่าแมลง ที่จำหน่ายในราคาลดสูงสุดถึง 60% เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร โดยมีแผนขยายโครงการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ส่งออกข้าวครึ่งปีแรกลดลง
รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 2568 ไทยส่งออกข้าวได้ 3.73 ล้านตัน มูลค่า 75,563 ล้านบาท ลดลง 27.29% และ 36.45% ตามลำดับ คาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน โดยได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากปัจจัยสำคัญ
อาทิ ปริมาณผลผลิตข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น อินเดียกลับมาส่งออก และอินโดนีเซียลดการนำเข้า รวมทั้งเงินบาทแข็งค่า โดยชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากที่สุด ได้แก่ ข้าวขาว คิดเป็น 47.19% ของปริมาณส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา คือ ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง และข้าวหอมไทย มีตลาดสำคัญ ได้แก่ อิรัก สหรัฐ แอฟริกาใต้ จีน และเซเนกัล
ก.เกษตรฯอัดพันล้านช่วยลำไย
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ผลผลิตลำไยที่จะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) มีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท
มุ่งเน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ยกระดับลำไยคุณภาพ สามารถเพิ่มสัดส่วนลำไยให้เป็นลำไยคุณภาพเกรด A ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีราคาเพิ่มขึ้น ยกระดับรายได้เกษตรกรชาวสวนลำไย โดยโครงการดังกล่าวเป็นมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในระยะยาว แก่เกษตรกรผู้ปลูกลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน ซึ่งสนับสนุนค่าตัดแต่งทรงพุ่ม กิ่ง-ช่อผล ปัจจัยการผลิต อัตราไร่ละ 1,400 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิต เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/2569 ด้วยการสนับสนุนเงินไร่ละ 1,200 บาท (ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่) จำนวน 4.6 ล้านครัวเรือน ขณะอยู่ระหว่างเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะได้รับความชัดเจนเร็ว ๆ นี้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รัฐช่วยอุ้มข้าว-ลำไยราคาตก อัดเงิน 4 หมื่นล้านจ่ายชดเชย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net