รวมข่าวปลอมรัฐบาลกัมพูชาช่างปั้น! F-16 ตก ใช้อาวุธเคมี ลักพาตัวทหาร
โวยไทยลักพาเชลยศึก
หลายหน่วยงานของรัฐบาลไทยตอกย้ำการรายงานข่าวเท็จ-ข่าวปลอมของรัฐบาลกัมพูชา ล่าสุดวันนี้ (1 สิงหาคม 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงยืนยันการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 2 นายกลับบ้าน พร้อมชี้แจงการกักตัวเพื่อสอบสวนและเก็บหลักฐานจากทหารอีก 18 นาย เนื่องจากกัมพูชา “ปล่อยข่าวปลอม” ที่อ้างว่ากองทัพไทยได้ลักพาตัวทหารกัมพูชาเหล่านี้ไว้ และส่งคืนร่างทหารผู้เสียชีวิต 1 รายเท่านั้น
ในความเป็นจริงก็คือ ทหารกลุ่มนี้ได้รุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยก่อน กองทัพจึงมีความจำเป็นที่จะต้องกักตัวทหารกลุ่มนี้ไว้ แต่ที่สำคัญคือมีการดูแลตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นหลักสากลตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการคุ้มครองผู้ที่ถูกควบคุมตัว ให้ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม มีการปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย และ พรบ.คนเข้าเมืองอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ข่าวปลอมแรกที่มาจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หากย้อนไปวันแรกที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามายังจังหวัดชายแดนไทยตั้งแต่ 24 กรฏาคม 2568 มีข่าวอะไรบ้างที่ชวนคนไทยปวดหัว ต้องมาคอยแก้ให้นานาชาติเข้าใจข้อเท็จจริง
ยันเป็นระเบิดเก่า ชี้ไทยเปิดก่อน!
ทางการกัมพูชาได้มีการแถลงข่าวและเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ โดยมีเนื้อหาหลักที่อ้างว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายที่เริ่มการโจมตีและรุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชา กัมพูชาพยายามทำให้ทั่วโลกเห็นว่ากองทัพไทยขึ้นบิน F-16 โจมตีกัมพูชาอย่างรุนแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นการตอบโต้ที่กองทัพกัมพูชาวางกับระเบิดใหม่เพื่อยกระดับสถานการณ์ อีกทั้งยังเปิดฉากโจมตีพลเรือนไทยก่อนโดยใช้ปืนใหญ่ ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่สามารถกำหนดทิศทางและระยะ
กัมพูชาปฏิเสธว่า กับระเบิดที่ทหารไทยเหยียบนั้นเป็นของตน และอ้างว่าเป็นกับระเบิดเก่าที่หลงเหลือมาจากยุคสงคราม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางลาดตระเวนเป็นเส้นทางเดิมในดินแดนไทย และไม่มีกับระเบิดใด ๆ หลงเหลืออยู่ในฝั่งไทยแล้ว เจ้าหน้าที่ไทยได้ระบุว่าทุ่นระเบิดที่พบเป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลที่ผลิตในรัสเซีย และไม่ได้เป็นทุ่นระเบิดที่กองทัพไทยใช้ ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการดำเนินการเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ดังนั้นการพบทุ่นระเบิดใหม่จึงเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีผู้แอบนำเข้ามาวางในพื้นที่
F-16 จะตกได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2568 เพจกองทัพอากาศไทยได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ภารกิจของเครื่องบิน F-16 ทั้ง 6 ลำ ได้บรรลุเป้าหมายและเดินทางกลับฐานได้อย่างปลอดภัยครบทุกลำ กองทัพอากาศได้ออกมาแถลงการณ์และประสานงานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center) เพื่อยืนยันว่าข่าวเรื่องเครื่องบิน F-16 ตกเป็นข่าวปลอมและไม่มีมูลความจริง
ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีข้อมูลข่าวปลอมอยู่ 70 ข้อมูล ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นการด้อยค่า ด่าทอประชาชนคนไทย ตอนนี้ได้ดำเนินคดีกับ ชาวกัมพูชาแล้ว 2 คน ในกรณีที่เผยแพร่ข่าวปลอมเรื่องเครื่องบิน F-16 ตก
คิดไปเอง ไทยทิ้งระเบิดเคมี
ควน โซะดารี ประธานสภากัมพูชา กล่าวในการประชุมสุดยอดประธานรัฐสภาสตรี ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมหลั่งน้ำตาสงสารคนกัมพูชาที่โดนไทยโจมตีด้วยอาวุธเคมี ขณะที่สื่อโซเชียลมีเดียมีภาพตัดต่อเฮลิคอปเตอร์ปล่อยควันสีแดง ทำให้ประชาชนชาวเขมรแชร์กันออกไปอย่างแพร่หลาย เช่นเดียวกันกับพล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ระบุว่ากองทัพไทยได้รุกล้ำดินแดนกัมพูชาและใช้อาวุธเคมีในการปฏิบัติการทางทหาร
ด้านกองบัญชาการกองทัพไทยและกระทรวงต่างประเทศจึงต้องออกมาฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อคำกล่าวอ้างนี้ ระบุว่า ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายในการพัฒนา ผลิต ครอบครอง หรือใช้อาวุธเคมีในทุกกรณี โดยยึดมั่นในพันธกรณีตามอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention - CWC) อย่างเคร่งครัด ทั้งยังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักมนุษยธรรมสากล โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ส่วนชาวเน็ตเร่งหาหลักฐานว่า ภาพปล่อยสารเคมีสีชมพูออกมาจากตัวเครื่องที่กัมพูชากล่าวอ้างนั้น เป็นภาพการปล่อยสารเคมีเพื่อดับไฟป่าในต่างประเทศ
ปั่นข่าวแม่ทัพภาค 2 เสียชีวิต
สื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่ข่าวการเสียชีวิตของพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจในกลุ่มคนชาวกัมพูชา โดยมีการแพร่ภาพขาวดำพร้อมข้อความ RIP หรือ Rest In Peace เพื่อสร้างความเข้าใจผิดว่ากองทัพกัมพูชามีความแข็งแกร่งและสามารถเด็ดหัวผู้นำกองทัพคนสำคัญของฝั่งไทยได้
ทางด้านพล.ท.บุญสิน ออกมาแก้ไข่าวลือโดยการอัดคลิปของตนเองในชุดเครื่องแบบ กล่าวด้วยสีหน้าอมยิ้มว่า ขณะนี้ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกำลังพลในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำหน้าที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนในพื้นที่จะปลอดภัยอย่างแท้จริง
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังระบุว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชามีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและปล่อยข่าวเท็จอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนคนไทย พร้อมขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณและติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ทหารตายเท่าไร? ทำไมกัมพูชาต้องปกปิดตัวเลข
BBC Thai รายงานว่า ด้านตัวเลขการเสียชีวิตภาคพลเรือนกัมพูชา มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. จาก พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร 5 นาย ซึ่งโฆษกกลาโหมของกัมพูชาระบุว่า เป็นการเสียชีวิตระหว่างวันที่ 24-25 ก.ค.ส่วนตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บมีรวมทั้งสิ้นที่ 71 ราย
แต่ตัวเลขดังกล่าวกลับไม่สอดคล้องกับข้อมูลของทางการไทย เนื่องจากกองทัพบกของไทยยังส่งมอบศพทหารกัมพูชาจำนวน 12 นาย ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ภูมะเขือ ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ผ่านไปครบ 1 สัปดาห์แล้ว วันนี้โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชารายงานเพียงว่าได้รับร่างทหารกัมพูชาอีกหนึ่งราย "กลับประเทศ" โดยอ้างว่าเป็นหนึ่งในทหารจำนวน 21 นายที่กัมพูชากล่าวหาว่า "ไทยลักพาตัว"
เชื่อกันว่า รัฐบาลกัมพูชาต้องการตัวเลขผู้เสียชีวิตให้น้อยกว่าตัวเลขของไทย เพื่อแสดงให้คนในประเทศเห็นว่ากองทัพกัมพูชาไม่ได้แพ้กองทัพไทย เรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนให้ยังคงวางใจในการจัดการของรัฐบาลกัมพูชา