งูทับสมิงคลา งูพิษร้ายแรงที่สุดในไทย กัดครั้งเดียวอาจถึงชีวิต
งูทับสมิงคลา คืออะไร?
งูทับสมิงคลา หรือ Malayan Krait (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bungarus candidus) ได้ชื่อว่าเป็น งูพิษที่มีความร้ายแรงที่สุดในประเทศไทย จากผลการทดสอบค่าความเป็นพิษ (LD50) พบว่าพิษของมันออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยตรง และรุนแรงกว่างูพิษชนิดอื่นที่พบในไทย เช่น งูเห่า หรืองูจงอาง
พิษของงูทับสมิงคลา ร้ายแรงถึงชีวิต
พิษของงูชนิดนี้เป็น Neurotoxin (พิษต่อระบบประสาท) เมื่อถูกกัด พิษจะไปทำลายปลายประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเกิดอัมพาต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การเสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลว
อาการที่พบหลังถูกงูทับสมิงคลากัด
- หนังตาตก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด
- กลืนอาหารและน้ำไม่ได้
- หายใจติดขัด และอาจหยุดหายใจในที่สุด
สิ่งที่ทำให้งูชนิดนี้อันตรายยิ่งขึ้นคือ ผู้ถูกกัดอาจไม่มีอาการปวดหรือบวมทันที ทำให้หลายคนชะล่าใจและไม่ได้ไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
ลักษณะเด่น วิธีสังเกตงูทับสมิงคลา
งูทับสมิงคลาจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับงูเห่าและงูจงอาง มีลักษณะเด่นดังนี้:
- ลำตัวเป็นปล้องสลับสีดำและขาว (บางครั้งอาจมีสีขาวอมเหลือง)
- เกล็ดกลางหลังมีขนาดใหญ่กว่าส่วนอื่น ลักษณะเป็นหกเหลี่ยม คล้ายมีสันนูนไปตามลำตัว
- มักหากินเวลากลางคืน และซ่อนตัวในที่มืดหรือกองไม้
การปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูทับสมิงคลากัด
หากถูกงูพิษกัดหรือสงสัยว่าเป็นงูทับสมิงคลา ควรปฏิบัติดังนี้:
1.ตั้งสติและจำลักษณะงู เพื่อให้แพทย์ใช้ประกอบการวินิจฉัย
2.เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ลดการกระจายพิษ
3.พันแผลเหนือรอยกัด ด้วยผ้าที่สะอาดเพื่อให้อวัยวะนิ่ง แต่ห้ามขันชะเนาะ
4.รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที งูทับสมิงคลามีเซรุ่มรักษาโดยเฉพาะ การรักษาที่เร็วคือปัจจัยสำคัญที่สุด
งูทับสมิงคลา (Malayan Krait) คือหนึ่งในงูพิษที่อันตรายที่สุดในไทย พิษของมันออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและอาจคร่าชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรู้จักลักษณะของงู การสังเกตอาการ และการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้