โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ผลสำรวจเผย คนรุ่นใหม่ 25% กินข้าวคนเดียวทุกมื้อ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตระยะยาว

Mission To The Moon

เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Mission To The Moon Media

“ฉันเหงา ฉันกินข้าวคนเดียวมา 2 เดือนแล้วนะเว้ย”
.
ประโยคยอดฮิตสุดคลาสสิกจากภาพยนตร์เรื่อง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” ที่ตีแผ่ความเหงาของคนทำงานได้เป็นอย่างดีผ่านการกินข้าวคนเดียวของพนักงานออฟฟิศธรรมดาทั่วไปที่ โสด ไม่มีเพื่อน และไม่มีใครให้แลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตด้วยยามพักเที่ยง
.
ตัดภาพมาในปัจจุบัน ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทำให้รูปแบบการทำงานและวิถีชีวิตเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินข้าว ที่โดดเดี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
.
โดยข้อมูลล่าสุดจาก World Happiness Report 2025 เผยว่า คนอเมริกันอายุ 18-24 ปี ถึง 25% นั้น “กินข้าวคนเดียวทั้ง 3 มื้อ” ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
.
ซึ่งที่น่ากังวลคือ การกินข้าวคนเดียวนั้น สามารถสร้างอิทธิพลในแง่ลบต่อความพึงพอใจในชีวิต พอๆ กันกับการมีงานทำหรือรายได้เลยทีเดียว
.
โดยพฤติกรรมการกินข้าวคนเดียวนี้ แม้จะได้รับความนิยม ดูเหมือนว่าไม่อันตราย และเป็นถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปในบริบทโลกยุคปัจจุบัน แต่อันที่จริงแล้ว การกินข้าวคนเดียวเป็นสัญญาณเตือนถึงการสูญเสียการเชื่อมต่อทางสังคมที่สำคัญต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ และถ้าไม่รีบแก้ไข อาจกลายเป็นวิกฤตความสุขที่ร้ายแรงในอนาคตเลยทีเดียว
.
.
“ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้อื่น” ยาวิเศษแห่งความสุขที่คนรุ่นใหม่กำลังพลาด
.
"มนุษย์เราควรกินอาหารร่วมกับผู้อื่นอย่างน้อย 13 มื้อต่อสัปดาห์" นี่คือจำนวนมื้ออาหารที่เหมาะสมที่สุดต่อความสุขตามการวิจัย แต่คนอเมริกันโดยเฉลี่ยกินข้าวร่วมกับผู้อื่นเพียง 7.9 มื้อต่อสัปดาห์เท่านั้น
.
Jan-Emmanuel De Neve ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Oxford อธิบายว่า การแบ่งปันมื้ออาหารกับผู้อื่นมีความสำคัญต่อความพึงพอใจในชีวิตไม่แตกต่างจากการมีงานทำหรือมีรายได้ที่ดี
.
เมื่อเราย้อนกลับไปดูข้อมูลจาก American Time Use Survey พบว่าในปี 2023 มีคนรุ่นใหม่อายุ 18-24 ปี ถึง 25% ที่กินอาหารทั้งสามมื้อโดยลำพังเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากเมื่อสองทศวรรษที่ผ่านมา
.
"นี่เป็นการเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากเมื่อ 20 ปีก่อน" De Neve กล่าว พร้อมเตือนว่านี่เป็นภัยเงียบต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ที่หลายคนอาจยังไม่ตระหนัก
.
.
โทรศัพท์มือถือ ตัวการสำคัญที่ขโมยช่วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อ
.
ตั้งแต่ปี 2000 Robert Putnam นักสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard ได้ตีพิมพ์หนังสือ "Bowling Alone" ที่ชี้ให้เห็นว่าชาวอเมริกันเริ่มขาดการเชื่อมต่อกับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนบ้านมากขึ้น
.
Putnam ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการทำงาน ครอบครัว ชีวิตในเขตชานเมือง รวมถึงโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การเชื่อมต่อทางสังคมลดลง
.
แต่สำหรับคนอายุ 18-24 ปี การเข้ามาของสมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาได้ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น โดยมีคนรุ่นใหม่อายุ 18-29 ปี ถึง 98% ที่มีสมาร์ตโฟน ตามข้อมูลสำรวจของ Pew Research Center ในปี 2024
.
"สมาร์ตโฟนกำลังทำให้เราเสียสมาธิจากมนุษย์คนอื่นๆ ในห้อง" De Neve กล่าว "และยังกลายเป็นข้อแก้ตัวที่ดีในการไม่ต้องคุยกับใคร"
.
Vivek Murthy อดีตศัลยแพทย์ทั่วไปของสหรัฐฯ ได้แบ่งปันข้อสังเกตสำคัญจากการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอเมริกา "ค่าเริ่มต้นในตอนนี้คือ คุณไม่พูดกับใครเลยเมื่อเข้าไปในโรงอาหาร และนั่งกินคนเดียว" Murthy สะท้อนความเป็นจริงที่น่าเศร้าของคนรุ่นใหม่
.
.
5 วิธีสร้างการเชื่อมต่อผ่านมื้ออาหาร กลับคืนความสุขให้คนรุ่นใหม่
.
แม้ว่าปรากฏการณ์กินข้าวคนเดียวของคนรุ่นใหม่นั้นจะน่ากังวลเพียงใด แต่มันยังไม่ถึงจุดวิกฤติที่เรายังไม่สามารถแก้ไขได้ โดยทาง Jan-Emmanuel De Neve เสนอแนวทางที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถกลับมานั่งล้อมวงทานข้าวร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขดังนี้
.
1. สร้าง "กล่องเก็บโทรศัพท์" ในห้องนอนและห้องครัว
Arthur Brooks ศาสตราจารย์จาก Harvard Business School แนะนำให้มีกล่องสำหรับวางโทรศัพท์ทั้งในห้องนอนและห้องครัว "สิ่งนี้จะบังคับให้คุณอยู่กับปัจจุบัน และมีการสนทนากับคนรอบข้างจริงๆ" De Neve กล่าว การปลดตัวเองจากโทรศัพท์ในช่วงมื้ออาหารจะช่วยให้เราโฟกัสกับคนที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น
.
2. สร้างโซนปลอดโทรศัพท์ในโรงอาหาร ในระดับสถาบันการศึกษา
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยควรพิจารณาจัดให้มี "โต๊ะที่มีนโยบายห้ามใช้โทรศัพท์" ในโรงอาหาร ซึ่งเป็นสัญญาณให้นักศึกษารู้ว่า "ถ้านั่งที่นี่ คุณต้องเริ่มการสนทนากับคนอื่น" หลักการนี้เป็นการสร้างพื้นที่ที่เอื้อต่อการพบปะพูดคุยโดยตรง
.
3. กำหนดเวลามื้ออาหารร่วมกันอย่างจริงจัง
ลองตั้งเป้าหมายให้มีมื้ออาหารร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนอย่างน้อยวันละมื้อ อาจเริ่มจากมื้อเย็นวันศุกร์ที่ทุกคนต้องมากินข้าวพร้อมหน้า หรือมื้อเช้าวันอาทิตย์ที่ไม่รีบร้อน การสร้างพิธีกรรมเล็กๆ นี้จะช่วยให้ทุกคนมีเวลาเชื่อมต่อกันอย่างสม่ำเสมอ
.
.
ทั้งนี้ การกินข้าวคนเดียวอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อมันกลายเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ 1 ใน 4 นี่คือสัญญาณอันตรายที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะมื้ออาหารไม่ใช่แค่การเติมพลังงานให้ร่างกาย แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อที่หล่อเลี้ยงจิตใจ
.
อย่ารอให้ความเหงากลายเป็นวิกฤตสุขภาพจิต เริ่มต้นง่ายๆ จากการชวนใครสักคนมากินข้าวด้วยกันในวันนี้ เพราะบางครั้ง ความสุขที่แท้จริงอาจอยู่ใกล้แค่ระยะห่างของจานข้าวเท่านั้น
.
.
อ้างอิง
- 25% of young Americans aged 18 to 24 eat every meal alone : Gili Malinsky, CNBC Make It - http://bit.ly/44To0eE
- World Happiness Report 2025 : World Happiness Report - http://bit.ly/4mbwdC9
- The U.S. keeps dropping in global happiness rankings. Eating alone could be the culprit. : Venessa Wong, Market Watch - http://bit.ly/4lXa3nv
.
.
#ความเหงา
#คนทำงาน
#สุขภาพจิต
#คนรุ่นใหม่
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mission To The Moon

อยากก้าวหน้าไว ต้องรู้ว่าตัวเองขาดอะไร ด้วย Gap Analysis

17 ก.ค. เวลา 05.30 น.

Region Beta Paradox เมื่อชีวิตที่ "พอทนได้" คือกับดักอันตรายที่สุด

15 ก.ค. เวลา 05.30 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

Mariah Carey ประกาศปล่อยอัลบั้มใหม่ Here For It All วันที่ 26 ก.ย. นี้

THE STANDARD

อัปเดตไอเท็มใหม่สุดล้ำจาก Beauty Masterclass สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Prada Beauty

THE STANDARD

การทำธุรกิจแบบมวยวัดของ ‘อาทิตย์ละเล่ม Bookshop’ ที่จัดหนังสือตามความชอบของคนอ่าน

Capital

เตือนภัยใกล้ตัว! หน่อไม้ดองดิบ อันตรายถึงชีวิต เสี่ยงพิษไซยาไนด์สูง

คมชัดลึกออนไลน์

ลั่นกลองรบ! สงครามปราบก๊กเจ้าพระฝาง แห่งสวางคบุรี ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ศิลปวัฒนธรรม

‘เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิตต์’ กลับมาเล่น I Know What You Did Last Summer

กรุงเทพธุรกิจ

อร่อยสุดคุ้ม พร้อมลุ้นทริปในฝันกับแคมเปญ “Be More Foodie Be More Fulfilled” จากไฮแอท เอเชีย แปซิฟิก

Gourmet & Cuisine

เดินทางแบบไหน ประหยัดที่สุด เทียบชัดๆในระยะทางเท่ากัน

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...