พายุคาจิกิ พัฒนาเป็นไต้ฝุ่นแล้ว เหนือ-อีสานรับมือน้ำท่วม น่านเสี่ยงสูงสุด
"รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ผู้อำนวยการศูนย์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า พายุคาจิกิ ได้พัฒนาเป็น พายุไต้ฝุ่น แล้วเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 24 สิงหาคม ตามการรายงานจากศูนย์ภูมิอากาศฮ่องกง ส่งผลให้ประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก ลมแรง และน้ำท่วมฉับพลันในช่วง 2–3 วันข้างหน้า
ปริมาณฝน-แบบจำลองน้ำท่วม
ข้อมูลการจำลองแบบจำลองปริมาณฝน (Rainfall Simulation) ระบุว่า ฝนสะสม ระหว่างวันที่ 25–27 สิงหาคม จะมีปริมาณมากขึ้น โดยพื้นที่ที่ปรากฏในเฉดสีส้มและสีเหลืองหมายถึงฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งสะท้อนถึงความรุนแรงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ แบบจำลองน้ำท่วม (Flood Simulation) ความละเอียด 150–300 เมตร ชี้ให้เห็น พื้นที่น้ำไหลหลากเป็นแถบสีน้ำเงิน ครอบคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะลำน้ำสายเล็กที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก ส่วนแม่น้ำสายใหญ่ เช่น ปิง วัง ยม น่าน ต้องติดตามสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
ความรุนแรงใกล้เคียง "พายุวิภา"
จากการประเมินเบื้องต้น ปริมาณฝนสะสม 2 วันจากอิทธิพลพายุ คาจิกิ อาจมากกว่า 300 มิลลิเมตร ในหลายพื้นที่ ซึ่งแม้จะมีความรุนแรงน้อยกว่า“พายุวิภา” (25–26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ก่อฝนหนักกว่า 300–400 มม. และถูกจัดว่าเป็นฝนรอบ 1,000 ปีใน จ.น่าน และ จ.พะเยา) แต่ก็ยังมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและอีสานที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนและมีลำน้ำไหลผ่าน
พื้นที่เสี่ยงสูง ได้แก่
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: บึงกาฬ นครพนม สกลนคร หนองคาย เลย อุดรธานี
- ภาคเหนือ: น่าน เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์
จังหวัดน่าน เสี่ยงสูงสุด
สำหรับ จังหวัดน่าน ถือเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังขั้นสูงสุด เนื่องจากมีประวัติการเกิดน้ำท่วมใหญ่บ่อยครั้ง โดยพื้นที่เสี่ยงน้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง ได้แก่
- อ.เชียงกลาง
- อ.ปัว
- อ.ท่าวังผา
- อ.เมือง
- อ.เวียงสา
หากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้สูงว่า น้ำจะล้นตลิ่งในช่วงเช้าวันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเมืองน่านตามภาพจำลองที่จัดทำขึ้น
คำแนะนำและการเตรียมการ
"รศ.ดร.เสรี" เน้นย้ำว่า หน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนต้องเตรียมการรับมืออย่างรัดกุม ดังนี้
- การอพยพผู้เปราะบาง และย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัยก่อนวันที่ 26 สิงหาคม
- ติดตามข้อมูลเตือนภัย จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ลุ่มต่ำ–ริมน้ำ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 สิงหาคมที่คาดว่าจะเป็นจุดวิกฤติ
"รศ.ดร.เสรี" กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น แต่จะยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลอัปเดตอย่างใกล้ชิด