“เงินเดือนออก ใจต้องนิ่ง” วิธีแชลเลนจ์ เก็บตอนนี้มีใช้ถึงสิ้นเดือน เมื่อวันเงินเดือนออก โคตรดุ โคตรอันตราย
หลายคน (โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน) ต้องเผชิญความท้าทายในช่วงสิ้นเดือน กับกระเป๋าเงินที่เบาหวิว แอบปญชีธนาคารที่เหลือเงินเพียงหลักสิบ หลักร้อย จนต้องแชลเลนจ์ตัวเองในการหาทาง “เอาตัวรอด” ให้ได้ผ่านเทคนิคต่างๆ ตามแต่ความคิดสร้างสรรค์จะประทาน กระทั่งเมื่อถึงวันเสียงแจ้งเตือนเงินเดือนเข้า ถึงจะเป็นเวลาได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง
แต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เมื่อถึงเวลาเงินเดือนเข้ากระเป๋า ก็ต้องตามมาด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเดือนถัดไปทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างหลัง ที่บางครั้งกิเลสก็บังตาเพราะกำลังมีเงิน จนเผลอแป๊บเดียว ผ่านไปไม่กี่วัน อ้าว ทำไมเงินในบัญชีใกล้หมดอีกแล้ว
แม้จะเข้าใจได้ว่า เรายังจำเป็นต้องกระจายรายได้จากเงินเดือนให้เพียงพอตลอดทั้งเดือน แต่หลายครั้งก็ไม่ง่ายที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้ใช้เงินไปกับสิ่งที่อยากได้ อุตส่าห์ทำงานเหนื่อยมาทั้งเดือน ก็อยากให้รางวัลตัวเองบ้าง
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่จะให้รางวัลตัวเอง แต่บางครั้งยอมรับเสียเถิดว่าเราก็ให้รางวัลมากเกินแบบขาดการวางแผน จนยังไม่ถึงกลางเดือนก็ต้องกลับมาอยู่ในสภาวะเอาตัวรอดอีกแล้ว
เป็นแบบนี้ เราอาจต้องหาวิธีแชลเลนจ์ตัวเองในการยับยั้งชั่งใจช่วงเงินเดือนออกกันสักหน่อย เพื่อไม่ให้อารมณ์ชั่ววูบและกิเลสของวิญญาณการเป็นป๋าเป็นเจ้มาทำให้ต้องลำบากในช่วงที่เหลือของเดือน ก่อนเงินเดือนจะเข้ากระเป๋าอีกครั้ง
แล้วจะแชลเลนจ์การควบคุมเงินยังไงดี ให้สนุกในระดับพอดี ไม่ต้องเครียดเกินไป แต่ก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน?
ซองนั้นเป็นของพี่
เทคนิคหนึ่งที่จะช่วยในการเก็บเงินได้ คือการฝึกแยกประเภทการใช้จ่ายให้ชัดเจน และควบคุมวงเงินของแต่ละหมวด วิธีนี้แล้วแต่ความละเอียดของแต่ละคนว่าอยากแบ่งหมวดให้ชีวิตตัวเองอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ลองแบ่งเงินเดือนเป็น 4 ซอง ซองละสี จะเป็นเงินสดหรือในบัญชีก็ได้
แบ่งว่าซองแต่ละสีจะใช้แทนหมวดไหนบ้าง เช่น สีแดง หมวดความจำเป็น เช่น ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่ากินรายวัน สีน้ำเงิน หมวดความสุข เช่น ค่ากาแฟ ค่าดูหนัง สีเหลือง หมวดเงินเก็บ สำหรับออมเงินและเป้าหมายทางการเงิน และสีเขียว หมวดเฉพาะกิจ เช่น ท่องเที่ยว หรือเวลาป่วยไข้
เมื่อได้แต่ละซองแล้ว ก็ให้แชลเลนจ์ในการใช้เงินแต่ละหมวดไม่ให้เกินงบที่ตั้งไว้ หากซองไหนใช้หมดแล้วก็ห้ามดึงเงินจากซองอื่นมาเติม! หากทำได้ เราก็จะควบคุมค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนขึ้น และรู้ว่าใช้เงินกับอะไร เท่าไหร่
งด Day
ลองกาปฏิทินสำหรับวัน “งด” แห่งเดือนของตัวเอง โดยเป็นการพักการใช้เงินอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ หรือ 4 - 5 วัน ต่อเดือน เพื่อฝึกการ “หยุดใช้เงินรายวันตามปกติโดยไม่จำเป็น” และได้เก็บเงินแบบเนียนๆ การจะใช้วิธีนี้ จำเป็นต้องมีการวางแผนล่วงหน้า เช่น เมื่อถึงวันงด ก็ให้ลองทำอาหารกินเอง หากต้องไปทำงานก็พกน้ำไปกินเอง พกอาหารไปกินเอง หยุดเปิดแอปเดลิเวอรี และเลือกทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น ดูซีรีส์ ลองดูว่าสามารถทำได้ไหม เผลอๆ ถ้าสนุก อาจเพิ่มจากวันงด 1 วัน เป็นกี่วันก็ได้
ทีวีแชมเปียน
หลายคนน่าจะเคยดูรายการเกมโชว์ญี่ปุ่นประเภทใช้เงินให้ได้เท่านั้นเท่านี้ในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเราสามารถเอารูปแบบ “ภารกิจ” นี้มาปรับใช้ในการแบ่งออมเงินที่ได้มาจากช่วงต้นเดือน ก่อนที่มันจะถูกใช้จ่ายหมดอย่างรวดเร็วได้ แนวคิดวิธีนี้ คือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “ประหยัดรายวัน” ให้เป็นภารกิจเก็บแต้มเงินแทน เช่น ตั้งเป้าเก็บเงิน 15 วันจาก “ภารกิจ” เล็กๆ น้อยๆ 15 ภารกิจ โดยวางจำนวนเงินไว้สำหรับแต่ละภารกิจ เมื่อทำสำเร็จแต่ละอัน ก็หมายถึงต้องเก็บเงินตามนั้น หากสามารถทำสำเร็จได้ครบ 15 ภารกิจ ก็นำเงินส่วนหนึ่งจากภารกิจมาแบ่งให้รางวัลตัวเอง อีกส่วนก็เก็บไว้ต่อยอด
เก็บก่อนได้เปรียบ
วิธีนี้เป็นการบังคับตัวเองให้ “เก็บก่อนใช้” โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนนิสัยการได้เงินมาแล้วใช้หมดไปกับสิ่งที่อยากได้ เป็นการเก็บเงิน “ครึ่งหนึ่ง” ของราคาสิ่งที่อยากได้ก่อนแล้วค่อยเก็บทีละนิด เมื่อครบแล้วค่อยซื้อ เป็นการฝึกให้เราตัดสินใจซื้ออย่างมีสติ ฝึกให้คิดก่อนซื้อ เพราะบางครั้งเมื่อซื้อมาแต่แรก ก็เสี่ยงที่จะรู้สึกว่า “ไม่น่าซื้อเลย” ในภายหลัง เผลอๆ เมื่อใช้วิธีนี้ พอเก็บเงินอีกครึ่งหนึ่งได้ครบ เราอาจจะไม่อยากได้ของสิ่งนั้นแล้วก็ได้
แอปพลิเคชัน ดีท็อกซ์
นี่คือยุคของแอปพลิเคชันสั่งของออนไลน์ ไม่ว่ามือถือเครื่องไหนก็คงมีแอปเหล่านี้ติดเครื่องไว้ เพราะความสะดวกสบาย ความหลากหลาย ราคา และโปรโมชัน จนหลายครั้งแม้ไม่ได้ต้องการอะไร แต่เราก็เผลอเลื่อนดูของไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกที อ้าว กดสั่งไปแล้ว ฉะนั้น วิธีนี้คือการ “ตัด” ตัวกระตุ้นอย่างแอปเหล่านี้ไม่ให้ซื้อของเกินจำเป็น ภารกิจของวิธีนี้ คือตั้งเป้างดเข้าแอปชอปปิงเป็นเวลากี่วันก็ได้ เช่น 7 วัน โดยการหักดิบลบแอปเหล่านี้ไปเลย หรือปิดการแจ้งเตือนจากแอปเหล่านี้ 7 วัน แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือหลังครบระยะเวลาที่กำหนดแล้ว อย่าเผลอบอกตัวเองว่า ถึงเวลา “เอาคืน” ด้วยการกดสั่งรัวๆ ก็แล้วกัน
เข้าใจได้ว่าเมื่อมีเงินจากการทำงาน เราก็ย่อมอยากใช้มันซื้อความสุขให้ตัวเอง แต่ปัญหาคือ บางครั้ง “ความต้องการ” ของเรามันดันนำหน้าปัจจัยที่มี และเมื่อไม่สามารถต้านทานกิเลสได้ มันก็นำพาให้เราต้องมากุมหัวกับเงินที่เหลืออันน้อยนิด กับระยะเวลาก่อนที่เงินเดือนรอบใหม่จะเข้าบัญชี
แม้การปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายตอนเงินเดือนเข้าจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บอกตัวเองไว้ว่า แชลเลนจ์ตัวเองแบบสนุกๆ ให้เหลือเงินเก็บดีกว่าต้องมานั่งแซดนับวันเงินเดือนออกอีกรอบเพราะชักหน้าไม่ถึงหลัง