ปลัดคลัง คาดปีงบฯ 68 รัฐเก็บรายได้วืดเป้า ผลจากเศรษฐกิจชะลอ
ปลัดคลัง คาดรัฐบาลจัดเก็บรายได้ปีงบฯ 68 ไม่เข้าเป้า ผลจากเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าคาด เร่งเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้ ตั้งเป้าหมายเก็บรายได้พลาดเป้าให้ได้น้อยที่สุด
14 ก.ค. 2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ เนื่องแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568 ต่ำกว่าสมมติฐาน
"เรามีความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณนี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ หากเกิดความคลาดเคลื่อนจากเป้าหมายที่ตั้งไว้จะต้องพลาดเป้าให้น้อยที่สุด แม้จะยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้มากก็ตาม"
นายลวรณ กล่าวว่า ในปี 2568 มีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการประมาณการรายได้เดิม ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตั้งสมมติฐานการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้สูงถึง 4.5-5% แต่สถานการณ์จริงอาจโตไม่ถึง 2%
ในส่วนของมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ นายลวรณ กล่าวว่า กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บภาษี ได้มีการทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อพยายามรักษาระดับการจัดเก็บรายได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดเก็บภาษีได้เท่าเดิม
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาในส่วนของรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรมากพอ โดยมีเกณฑ์ว่าไม่ควรเก็บกำไรไว้ในธุรกิจโดยไม่นำไปลงทุน อย่างไรก็ตาม รายได้จากรัฐวิสาหกิจแม้จะมีส่วนช่วย แต่ก็เป็นเพียงประมาณหลักแสนล้านบาท
สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้รัฐบาล อาทิ รายได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และยอดขายรถยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดีเป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตราภาษีต่ำ
"กระทรวงการคลังพยายามจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ให้พลาดเป้าให้น้อยที่สุด และยืนยันว่าสามารถปิดหีบงบประมาณปี 2568 โดยสามารถใช้เงินคงคลังได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกู้เงินชดเชยหากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้"
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ2568 (ต.ค. 2567 – พ.ค. 2568) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,704,184 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 12,753 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 28,834 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 โดยภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าจัดเก็บได้ต่ำ กว่าประมาณการเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าประมาณการส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่มีนิติบุคคลบางส่วนเปลี่ยนไปยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด. 50) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบในช่วงต้นเดือนมิ.ย. 2568 อย่างไรก็ดี การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่นสูงกว่าประมาณการ