โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

SCB EIC ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV ชะลอตัว คาดเศรษฐกิจกัมพูชาจ่อวูบจากผลกระทบภาษีสหรัฐ ตึงเครียดชายแดนบั่นทอนความเชื่อมั่น

BTimes

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC คาดว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV จะชะลอตัวลงเหลือ 5.1% ในปี 2025 จาก 6.3% ในปี 2024 เนื่องจากอัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นภายใต้นโยบาย Trump 2.0 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโมเดลการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ การไหลเข้าของสินค้าราคาถูกจากจีนยังทำให้การผลิตในประเทศและความสามารถในการแข่งขันลดลง ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อการเติบโตของ CLMV ด้วยเช่นกัน

เศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV จะเผชิญกับความเสี่ยงจากภายนอกตามการพึ่งพาการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ รวมถึงความท้าทายเฉพาะของแต่ละประเทศ เช่น เวียดนามและกัมพูชามีความเสี่ยงด้านการค้าโลกจากการพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ สูง ขณะที่เมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว เผชิญความเสี่ยงภายในประเทศ เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเหตุแผ่นดินไหว ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา เสถียรภาพด้านต่างประเทศที่เปราะบางใน สปป.ลาว ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ดี บางประเทศมีความเปราะบางด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงิน เช่น การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐบางส่วนในระบบเศรษฐกิจบางประเทศ จึงอาจได้รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

ถึงแม้จะเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ปัจจัยสนับสนุนในช่วงครึ่งปีแรกอาจช่วยพยุงเศรษฐกิจบางส่วนได้ โดยเฉพาะการเร่งส่งออกล่วงหน้า ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจอาเซียนจะยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV ได้ในระดับหนึ่ง

โดยเศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค CLMV โดยได้รับแรงหนุนจากบทบาทศูนย์กลางการผลิตที่น่าดึงดูดปัจจัยการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศที่เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เจรจาจบได้ก่อนและมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLM และสิทธิประโยชน์จูงใจเม็ดเงินลงทุน เช่น จำนวนข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงรุก

เศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง และการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมถึงแรงกดดันเพิ่มเติมจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกับไทยที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ จะก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม การส่งออกและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2025 ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของทั้งปีไว้ได้บ้าง ขณะที่เสถียรภาพทางการคลังยังเอื้อให้ภาครัฐสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้หากจำเป็น

สปป.ลาว อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงทางตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่มากนัก แต่เศรษฐกิจภายในยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาหนี้ต่างประเทศสะสมสูงและภาคการเงินที่ยังเปราะบางจากปัญหาหนี้เสีย แม้สถานการณ์เงินเฟ้อสูงและปัญหาเงินกีบที่อ่อนค่าเร็วจะปรับดีขึ้นบ้าง รวมถึงความสามารถในการรองรับแรงกระแทกจากภายนอกที่ทยอยเพิ่มขึ้นสะท้อนจากสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเทียบมูลค่านำเข้าต่อเดือน แต่ปัญหาความเปราะบางเชิงโครงสร้างเหล่านี้ยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจของเมียนมาคาดว่าจะหดตัวในปีนี้ เนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ความขัดแย้งภายในที่ยังคงดำเนินอยู่ และเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด ยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและบั่นทอนการบริโภคและการลงทุน ภายใต้ข้อจำกัดด้านนโยบายการเงินและพื้นที่ทางการคลัง รวมถึงสัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง โอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงมีค่อนข้างจำกัด

SCB EIC คาดว่าแนวโน้มการค้าระหว่างไทยกับประเทศ CLMV จะชะลอลง จากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกัมพูชากับไทย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านลบมากขึ้น แม้มูลค่าเม็ดเงินลงทุนทางตรงไหลออกจากไทยไปยังภูมิภาค CLMV กลับมาสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 แล้ว และกระจายไปในหลายสาขาธุรกิจ เช่น สาขาการเงิน การประกันภัย และการผลิตอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและความระมัดระวังของนักลงทุนในบรรยากาศโลกเช่นนี้ อาจทำให้แนวโน้มการลงทุนจากไทยชะลอตัวลง

ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายด้าน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่หากการปิดด่านชายแดนยังคงยืดเยื้ออาจกดดันแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวอาจชะลอตัวลงจากความไม่มั่นคงหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น อย่างไรก็ตาม หากแรงงานกัมพูชาในไทยทยอยเดินทางกลับประเทศมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานไทยจำกัด เนื่องจากยังสามารถหาแรงงานสัญชาติอื่นทดแทนได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BTimes

ฮุน มาเนต โพสต์ร่ายยาวขอบคุณ ปธน.ทรัมป์ ลดภาษีมากถึง 30% จากเดิม 49% เหลือ 19% ขอบคุณที่เข้าใจและให้โอกาสกัมพูชาพัฒนาเศรษฐกิจ-การค้ากับสหรัฐ เผยร้องขอทรัมป์ลดลงเหลือเท่าไหร่ก็ได้ที่ช่วยกัมพูชาพัฒนาประเทศ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รัฐมนตรีคลังพิชัย ชี้สหรัฐเก็บภาษีไทย 19% คือมิตรภาพ และพันธมิตรแน่นแฟ้นของไทยกับอเมริกา ช่วยไทยยังแข่งขันในโลกได้

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สัญญาณ ศก.ไทยแย่ เกือบ 30% คนไทยกลัวตกงานใน 6 เดือนหน้า | คุยกับบัญชา | 21 ก.ค. 68

15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“เซ็น กรุ๊ป” ปักหมุดเดือนแห่งการให้ ผ่านแคมเปญของอร่อยต้องแบ่งปัน “Zen ปันอิ่ม ปันสุข” ตลอดเดือนสิงหาคม 2568

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาฯประเมินความสูญเสียจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา กระทบที่อยู่อาศัยจังหวัดแนวชายแดนกว่า 12% คาดเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท

BTimes

กรมพัฒนาธุรกิจฯ จับกระแสกาแฟไทย โตสวนเศรษฐกิจ คนไทยดื่มทะลุ 340 แก้วต่อปี ดันยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่พุ่ง 8.9%  Specialty Coffee ฮิตมาก

BTimes

สภาทองคำโลกเผย‎ ความต้องการทองคำของไทยแข็งแกร่ง ไตรมาส 2 คนไทยแห่ซื้อทองคำพุ่ง 25% ลดซื้อทองรูปพรรณ

BTimes
ดูเพิ่ม
Loading...