“แบงก์ชาติอินโดนีเซีย” ลดดอกเบี้ย 0.25% หนุนเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีทรัมป์
"แบงก์ชาติอินโดนีเซีย" ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เหลือ 5.25% เป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอและแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ
วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.01 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 5.25% เมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 ในวัฏจักรการผ่อนคลายทางการเงินที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากการค้าระหว่างประเทศที่ชะลอตัวและอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง
นายแพร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย กล่าวในการแถลงข่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้สอดคล้องกับความจำเป็นในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่อ่อนแรง ขณะที่แนวโน้มในไตรมาสถัดไปถูกบดบังด้วยผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐที่สร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าโลก
ทั้งนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตรา 19% ภายใต้ข้อตกลงใหม่ระหว่างสองประเทศ
สำหรับแนวโน้มการเติบโต BI คาดว่า GDP ของอินโดนีเซียในปี 2568 จะอยู่ในช่วง 4.6% ถึง 5.4% ขณะที่เป้าหมายอย่างเป็นทางการของรัฐบาลอยู่ที่ 5.2% และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจให้แตะระดับ 8% ภายในสิ้นสุดวาระในปี 2569
ก่อนหน้านี้ BI ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่เดือนกันยายน โดยมีช่วงหยุดพักระหว่างการลดดอกเบี้ยเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของค่าเงินรูเปียห์อันเป็นผลจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
อ้างอิง : reuters.com