ทรัมป์ ประกาศ “สหรัฐ” บรรลุข้อตกลงการค้ากับ “เวียดนาม” แล้ว เก็บภาษีนำเข้า 20%
ทรัมป์ ประกาศ “สหรัฐ” บรรลุข้อตกลงการค้ากับ “เวียดนาม” แล้ว เก็บภาษีนำเข้า 20% แลกเปิดตลาดสหรัฐฯ แบบไร้กำแพงภาษี
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 05.00 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับเวียดนาม ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 20%
การประกาศดังกล่าวของทรัมป์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะเปิดทางให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงตลาดของเวียดนามได้โดยปลอดภาษี
เวียดนามยังตกลงด้วยว่าสินค้าที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอื่นและถูกส่งต่อมายังเวียดนามเพื่อทำการส่งออกขั้นสุดท้ายไปยังสหรัฐจะต้องถูกเก็บภาษีในอัตรา 40%
กระบวนการนี้เรียกว่า Transshipping (การส่งต่อสินค้า) ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษี โดยมีรายงานว่าจีน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ไปยังสหรัฐใช้เวียดนามเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อสินค้าเช่นนี้
ทรัมป์เขียนว่า
“เวียดนามจะเป็นผู้จ่ายภาษี 20% นั้น” แต่ในความเป็นจริง ภาษีศุลกากรคือภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าต่างประเทศ ซึ่งผู้นำเข้าสินค้าเหล่านั้นในสหรัฐ เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ข้อตกลงนี้ถูกเปิดเผยเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ช่วงเวลา พักชั่วคราว 90 วัน ของนโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของทรัมป์จะสิ้นสุดลง ซึ่งจะส่งผลให้ภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายสิบประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ตามแผนการคุ้มครองทางการค้านี้ สินค้านำเข้าจากเวียดนามถูกเก็บภาษีในอัตรา 46% แต่ในช่วงพักชั่วคราว 90 วันดังกล่าว อัตราภาษีถูกลดลงเหลือ 10% การเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากเวียดนามเป็น 20% จะทำให้ต้นทุนของผู้นำเข้าสหรัฐฯ สูงขึ้น ซึ่งอาจถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคหรือซัพพลายเออร์
แม้จะมีข่าวการขึ้นภาษี ดัชนี S&P 500 ยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีการประกาศข้อตกลงการค้านี้
โพสต์ของทรัมป์ฉบับเต็มระบุว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมจะประกาศว่า ผมเพิ่งบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลังจากพูดคุยกับ โต้ ล่าม (To Lam) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ผู้ทรงคุณค่า ข้อตกลงนี้จะนำไปสู่ความร่วมมืออันยิ่งใหญ่ระหว่างสองประเทศของเรา
เงื่อนไขคือ เวียดนามจะจ่ายภาษี 20% ให้กับสหรัฐฯ สำหรับสินค้าทุกชนิดที่ส่งเข้ามาในดินแดนของเรา และจะมีภาษี 40% สำหรับสินค้าที่ถูกส่งต่อ (Transshipping) แลกกับสิ่งนี้ เวียดนามจะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือ ให้สหรัฐอเมริกาเข้าถึงตลาดของพวกเขาอย่างเต็มที่ หมายความว่า เราจะสามารถขายสินค้าเข้าสู่เวียดนามโดยปลอดภาษีอย่างสิ้นเชิง ในความเห็นของผม รถ SUV หรือที่บางครั้งเรียกว่า รถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในสหรัฐฯ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับตลาดในเวียดนาม การเจรจากับเลขาธิการ โต้ ล่าม ซึ่งผมเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเอง เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ขอบคุณที่ให้ความสนใจเรื่องนี้!”
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนจากโพสต์ของทรัมป์ว่าข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด หรือมีการลงนามอย่างเป็นทางการโดยทั้งสองฝ่ายแล้วหรือไม่
ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า เขาอาจเพิกเฉยหรือปรับเปลี่ยนเส้นตายที่กำหนดให้ภาษีตอบโต้กลับมาในอัตราสูงอีกครั้งได้ ช่วงพักชั่วคราว 90 วัน ซึ่งลดภาษีของเกือบทุกประเทศเหลือ 10% มีขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ เจรจากับสหรัฐ
จนถึงตอนนี้ รัฐบาลทรัมป์ได้บรรลุกรอบข้อตกลงทางการค้าฉบับแก้ไขกับเพียงจีนและสหราชอาณาจักรเท่านั้น แม้จะกล่าวซ้ำๆ ว่าสหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับอีกหลายประเทศ
สำหรับเวียดนาม ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นประมาณ 30% ของ GDP ของประเทศ ในปีที่แล้ว การพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ทำให้เวียดนามมีความเปราะบางอย่างมากต่อภาษีของทรัมป์
นักวิจารณ์นโยบายภาษีที่ของทรัมป์เตือนว่า มาตรการเหล่านี้จะสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้น
ในขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์และผู้สนับสนุนโต้แย้งว่า ภาษีศุลกากรไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ และชี้ว่ามาตรการเหล่านี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์
โมเดลการคำนวณราคาที่จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านค้าปลีก AlixPartners ให้กับ CNBC เมื่อต้นเดือนนี้ พบว่า ภาษีนำเข้าจากเวียดนามในอัตรา 10% จะทำให้ราคาสเวตเตอร์ผู้ชายที่นำเข้าเพิ่มขึ้นประมาณ 8% แต่หากใช้อัตราภาษี 46% ที่ทรัมป์กำหนดในช่วงแรก ราคาสเวตเตอร์ตัวเดียวกันจะเพิ่มขึ้นราว 35%
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่คาดว่าผลกระทบของภาษีทรัมป์จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ ราคาสินค้าบางประเภท เช่น เสื้อผ้าและรองเท้า เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้วจากผลของภาษี ตามที่ CNBC รายงาน
นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า เหตุที่ผลกระทบต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ ยังไม่แพร่หลาย เป็นผลจากการที่บริษัทต่างๆ กักตุนสินค้าไว้ก่อนหน้าที่ภาษีจะมีผล รวมถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ก่อนที่ผลของภาษีจะสะท้อนออกมาในระบบเศรษฐกิจ
อ้างอิง : cnbc.com