ITC กำไรไตรมาส 2 แตะ 696 ล้าน บอร์ดเคาะปันผล 0.40 บาท จ่อขึ้น XD 13 ส.ค.นี้
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 และงวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ ดังนี้
สำหรับ ITC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 695.96 ล้านบาท ลดลง 31.06% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,009.54 ล้านบาท บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 4,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แม้จะลดลงเล็กน้อย 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการเติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาสได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของลูกค้าหลักในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และบริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงเวลาดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ยอดขายที่แปลงเป็นเงินบาทลดลงจากปีก่อน แม้ความต้องการสินค้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงก็ตาม
หากพิจารณารายได้ในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 126 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการขายสุทธิ (Net Weight Tonnage) ที่เพิ่มขึ้น 6.9% และ 9.7% ตามลำดับ สะท้อนถึงความต้องการที่ยังเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.0% ลดลงจาก 30.0% ในไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทมีสัดส่วนสินค้าพรีเมียมสูงกว่าปกติ และมีการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าคงเหลือ ส่งผลให้อัตรากำไรในปีก่อนสูงกว่าระดับปกติ อย่างไรก็ดี สัดส่วนผลิตภัณฑ์ในไตรมาสนี้ยังอยู่ในระดับเป้าหมายของบริษัท โดยสินค้าพรีเมียมคิดเป็น 46.3% และสินค้าระดับกลาง 53.7% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.9 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน 659 ล้านบาท ลดลง 32.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ลดลง และค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึกษาที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรจากการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.7% ขณะที่กำไรสุทธิปรับปรุงแล้ว (ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา) อยู่ที่ 803 ล้านบาท ลดลง 25.8% จากปีก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีอัตรากำไรสุทธิปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 17.9% เทียบกับ 23.7% ในไตรมาส 2 ปี 2567 และ 18.7% ในไตรมาส 1 ปี 2568
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจถึง 10% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) โดยมีกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 สิงหาคม 2568 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 สิงหาคม 2568
นายรอย ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของเราในช่วงครึ่งปีแรกสะท้อนถึงรากฐานการดำเนินธุรกิจที่มีความมั่นคง และความเข้มแข็งจากการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง ส่งผลให้ปริมาณการขายเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ลูกค้าทั่วโลกมีต่อเรา แม้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ และการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายของเรา”
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 ITC มียอดขาย 8,722 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกำไรขั้นต้น 2,141 ล้านบาท และกำไรสุทธิปรับปรุง 1,597 ล้านบาท ผลมาจากความสำเร็จของโปรเจกต์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมูลค่า 56 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ และการส่งออกสินค้าล็อตแรกให้กับแบรนด์ผู้นำเข้ารายใหม่ในสหราชอาณาจักรและยุโรป ตอกย้ำจุดแข็งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งของ ITC ซึ่งครอบคลุมการมีฐานลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตต่อเนื่อง ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบพรีเมียมคุณภาพสูง การขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ ITC เป็นผู้ผลิตที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อีกทั้ง มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ 1,635 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้าและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“เรายังมุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์เร่งการเติบโตผ่าน โปรเจคต์เทลวินด์ (Project Tailwind) เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจ ผ่านการเพิ่มประสิทธิผลของกระบวนการผลิต การจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ ITC ยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการพิจารณาความร่วมมือทางธุรกิจ ผ่านการควบรวมกิจการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและขยายความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2573 ได้ นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานให้ได้ 50 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป” นายรอย ชาน กล่าวเสริม
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนการรับมือเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเราให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนกลยุทธ์เรื่อง cost-sharing และขยายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีนำเข้าต่ำอีกด้วย