ข้าวไทยส่อวิกฤต อินเดียระบาย 20 ล้านตัน อินโดฯ-ญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ ลดนำเข้า ทุบราคาดิ่งยาว
ข้าวไทยที่เคยส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก ก่อนถูกอินเดียแซงหน้า หลังมีโครงการรับจำนำข้าวราคาสูงเมื่อหลายปีก่อน ณ วันนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตรอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ และราคาข้าวสารส่งออกมีแนวโน้มรูดลงเรื่อย ๆ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เวลานี้ข้าวไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตในหลายเรื่อง ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าในเดือนกันยายนนี้ อินเดียจะระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลออกมาประมาณ 20 ล้านตัน เพื่อใช้พื้นที่สำหรับเก็บสต็อกข้าวฤดูการผลิตใหม่ที่รัฐบาลจะรับซื้อจากเกษตรกร โดยข้าวที่ระบายออกมาจะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล เพื่อนำไปช่วยเหลือคนยากจน และส่วนหนึ่งจะขายในตลาดทั่วไปให้กับเทรดเดอร์
ทั้งนี้ข้าวล็อตใหญ่ดังกล่าวหากนำมาปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐานส่งออก บวกค่าขนส่งแล้ว ราคาเอฟโอบีหากขายที่ 280-300 ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวไทยในตลาดโลกอย่างมาก เพราะเวลานี้ราคาข้าวขาว 5% ของไทยขายอยู่ที่ 365-370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปรับตัวลดลงจากปี 2567 ที่เฉลี่ยทั้งปีไทยขายได้ที่ 550-560 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่เวลานี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในช่วงราคาข้างต้น หลังอินเดียที่เคยระงับการส่งออกข้าวในกลุ่มข้าวขาวได้กลับมาส่งออกอีกครั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
“ราคาข้าวไทยในตลาดโลกที่ลดลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดในประเทศ โดยเวลานี้ส่งผลให้ชาวนาขายข้าวเปลือกเจ้าได้ที่ระดับ 5,000-6,000 บาทต่อตัน ซึ่งแม้รัฐบาลจะช่วยเหลือผ่านนโยบายไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ทั้งนาปรังและนาปี ก็คงช่วยได้แค่ระดับหนึ่ง ซึ่งคงไม่พอ และเผลอ ๆ อาจขาดทุน เพราะต้นทุนการผลิตข้าวไทยสูง”
ขณะเดียวกันเวียดนามอีกหนึ่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ได้ประกาศนโยบายนับจากนี้จะปลูกแต่ข้าวเกรดพรีเมียมราคาสูงเพื่อส่งออก โดยข้าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวียดนามในเวลานี้คือข้าวตระกูล “ST” เป็นข้าวหอมพื้นนุ่มที่กำลังได้รับความนิยมในหลายตลาด โดยราคาขายในตลาดโลกเวลานี้อยู่ที่ 800-850 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งยังราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิที่เป็นข้าวเกรดพรีเมียมของไทยที่เวลานี้ขายอยู่ที่ 1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หากข้าว ST ของเวียดนามได้รับความนิยมบริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ในสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดใหญ่สุดของข้าวหอมมะลิ ไทยจะได้รับผลกระทบแน่นอน
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่น่าจับตาจากปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่คงปิดด่านอีกนาน จะส่งผลให้ข้าวเปลือกหอมมะลิของกัมพูชาหรือที่รู้จักกันในนาม “ผกาลำดวน” ที่เคยส่งมาไทยจะไหลไปยังเวียดนาม ซึ่งจะทำให้เวียดนามสามารถนำไปสีแปรและส่งออกแข่งกับข้าวหอมมะลิไทยได้ ขณะเดียวกันจากที่ในปีนี้อินโดนีเซียที่เคยนำเข้าข้าวปีละประมาณ 4 ล้านตัน ประกาศไม่มีการนำเข้า จากมีผลผลิตข้าวในประเทศดีขึ้น ส่วนฟิลิปปินส์ล่าสุด ประกาศระงับการนำเข้าข้าว 60 วัน (1 ก.ย.-30 ต.ค. 68) เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกในประเทศตกตํ่าในช่วงของการเก็บเกี่ยว
“นอกจากนี้จากที่ญี่ปุ่นได้เปิดตลาดให้กับข้าวจากสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกกับดีลภาษีที่ 15% ซึ่งจากที่ญี่ปุ่นเคยนำเข้าข้าวขาวจากไทยปีละ 3-3.5 แสนตัน คาดจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าข้าวของญี่ปุ่นจากไทยลดลง และไปนำเข้าข้าวจากอเมริกาเพิ่มขึ้น จากหลากหลายปัจจัยลบที่กล่าวมา ภาครัฐและเอกชนคงต้องช่วยกันวางแผนรับมืออย่างเร่งด่วน”