ชะตากรรม 4 นายกฯ เครือข่าย“ชินวัตร” ในมือศาลรธน.-จบไม่สวย
วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสำคัญ “คดีคลิปเสียงฮุนเซน” ที่จะกำหนดชะตาทางการเมืองของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งยังสะท้อนถึงสถานการณ์ของรัฐบาลปัจจุบันด้วย
หลังสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ว่า การสนทนาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
หากหวนกลับไปมอง “ชะตากรรมของนายกฯ เครือข่ายชินวัตร” ในมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่ผ่านมา จะพบว่าล้วนแล้วแต่ “จบไม่สวย” ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
“ทักษิณ”จบด้วยรัฐประหาร
“ทักษิณ ชินวัตร” ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 จากการเลือกตั้งปี 2544 ด้วยเสียงถล่มทลาย พรรคไทยรักไทย กวาดเก้าอี้ ส.ส. 248 ที่นั่ง ก่อนขยายฐานควบรวมกับ พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีธรรม จนกลายเป็นรัฐบาลผสมกว่า 300 ที่นั่ง ทำให้เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย
แม้รัฐบาลสมัยแรกอยู่ครบวาระ 4 ปีเต็ม (2544-2548) แต่ในสมัยที่สอง ซึ่งพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งปี 2548 ได้เสียง ส.ส. 377 ที่นั่ง เกือบเป็นรัฐบาลพรรคเดียว กลับเผชิญวิกฤติการเมืองรุนแรงจากกรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กโดยไม่เสียภาษี
การชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง จนกระทั่ง 19 กันยายน 2549 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำรัฐประหาร ขณะ ทักษิณ กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯ ในระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา …ปิดฉากตำแหน่งนายกฯ แบบไม่อาจกลับมาได้
ขณะที่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 111 คน รวมทั้ง ทักษิณ เป็นเวลา 5 ปี
“สมัคร”หลุดเหตุรับงานพิธีกร
หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ เครือข่ายเดิมเปลี่ยนร่างเป็น พรรคพลังประชาชน นำโดย“สมัคร สุนทรเวช” คว้าชัยเลือกตั้งปี 2550 ได้ 233 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลผสม
แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 25 อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งปี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ให้สมัครพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากยังรับจ้างเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 (ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีส่วนได้เสียในธุรกิจใด ๆ)
นี่คือครั้งแรกที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เหตุผล “ทำรายการทีวี” เป็นชนวนปลดนายกรัฐมนตรี
"สมชาย"จบเพราะยุบพรรค
สภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือก “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ในฐานะน้องเขย “ทักษิณ” และ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26 เมื่อเดือนกันยายน 2551 แต่รัฐบาลต้องเผชิญแรงกดดันหนักจากการชุมนุมพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง และ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เพียง 2 เดือนต่อมา 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ด้วยเหตุทุจริตเลือกตั้ง ทำให้กรรมการบริหารพรรค รวมถึง สมชาย ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี
สมชาย กลายเป็น “นายกฯ นอกทำเนียบ” ที่ไม่เคยได้เข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลแม้แต่ครั้งเดียว
“ยิ่งลักษณ์”เจอพิษย้าย“ถวิล”
น้องสาวแท้ ๆ ของทักษิณ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นำพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2554 ได้ 265 ที่นั่ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของไทย และ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
“รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เผชิญแรงต้านจาก “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย” จนนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ของ กปปส. และการยุบสภา 9 ธันวาคม 2556 แต่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นโมฆะ
7 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยมติเอกฉันท์ ให้ ยิ่งลักษณ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีมติโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อันเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบและเอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิด
ไม่ถึงสองสัปดาห์ต่อมา 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
”เศรษฐา”เจอตอตั้ง“พิชิต”นั่งรมต.
“เศรษฐา ทวีสิน” ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อ 22 สิงหาคม 2566 ด้วยมติรัฐสภา แต่เผชิญแรงเสียดทานทางการเมือง และข้อครหาเรื่องการแต่งตั้งบุคคลไม่เหมาะสม
14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ เศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่า ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เศรษฐา ทวีสิน กลายเป็นนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในตำแหน่งเพียง 358 วัน เท่านั้น
“แพทองธาร”ลุ้นคดีคลิปฮุนเซน
“แพทองธาร ชินวัตร” หรือ “อิ๊งค์” ลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของไทย และเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของไทย เมื่อ 16 สิงหาคม 2567 ด้วยคะแนนโหวตจากสภาผู้แทนราษฎร 319 เสียง
แพทองธาร เผชิญชะตากรรมครั้งสำคัญในคดี“คลิปเสียงฮุนเซน” ซึ่ง 36 สมาชิกวุฒิสภา มองว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักจริยธรรมร้ายแรง และอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยชี้ชะตา 29 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ว่า เธอจะเดินซ้ำรอย “อา” ที่ต้องพ้นตำแหน่ง เพราะศาลรัฐธรรมนูญ หรือ จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ “ตระกูลชินวัตร”
กว่า 20 ปีที่ผ่านมา “นายกรัฐมนตรี” ในสายเครือข่าย “ชินวัตร” ต่างล้วนจบเส้นทางด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือ การยึดอำนาจโดยกองทัพ แม้จะได้รับฉันทามติจากการเลือกตั้ง แต่กลับไม่อาจรักษาตำแหน่งจนถึงปลายทางได้
29 สิงหาคมนี้ จึงไม่ใช่เพียงวันพิพากษาชะตา“แพทองธาร ชินวัตร” แต่ยังเป็นอีกบททดสอบว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะขีดเส้นชะตานายกฯ สาย “ชินวัตร” ให้เดินตามประวัติศาสตร์เดิม หรือ เปิดหน้าใหม่ในสมุดบันทึกการเมืองไทย
รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4126 โดย…ทีมข่าวการเมือง