ปม 'ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว' หากพบใบเท็จ สาวถึงแพทย์
ความคืบหน้าจากที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เดินหน้าตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชนที่ให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว พบปัญหาความไม่ถูกต้องในเรื่องของสถานพยาบาลที่ดำเนินการ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนหลายแห่ง เนื่องจากมีการขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน และไม่ได้ขออนุญาตการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคาดว่าจะมีใบรับรองสุขภาพแรงงานต่างด้าว ราว 4 แสนใบต้องเป็นโมฆะ จะต้องมีการตรวจสุขภาพแรงงานใหม่
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2568 นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เข้าใจดีว่ากระทบภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ก็ต้องตรวจสอบ เพื่อทำให้เกิดการกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากปล่อยไปแล้ว 1. สุดท้ายมีการกระทำความผิดสะสมขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีการกล่าวโทษสธ.ว่าปล่อยปละละเลย 2.ถ้าเกิดโรคระบาดขึ้นมาจริงๆ คนที่รับผิดชอบก็เป็นสธ.เช่นกัน
ดังนั้น บุคคลที่รู้ตัวว่าได้รับใบรับรองแพทย์โดยสถานพยาบาลเอกชนที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทางแก้ไขก็ต้องไปตรวจใหม่ให้ถูกต้อง ส่วนสถานพยาบาลทุกแห่งที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางานไว้ แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสบส.
นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า ตนได้มอบหมายให้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่สถานพยาบาลแห่งนั้นตั้งอยู่เข้าไปตรวจสอบทุกแห่ง พร้อมขอข้อมูลจำนวนแรงงานว่าอยู่ที่ไหน เพื่อตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารรับรองการตรวจสุขภาพจริงหรือไม่ ส่วนอื่นเป็นหน้าที่กรมการจัดหางานและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เข้าไปดำเนินการ
“เข้าใจภาคอุตสาหกรรม แต่ก็ต้องเข้าใจภาคราชการด้วย ซึ่งการจะเดินไปด้วยกันได้คิดว่ารายชื่อสถานพยาบาลก็มีประกาศในเว็บไซต์ สามารถหาได้ว่าใครผ่าน ไม่ผ่าน ฉะนั้นนายจ้างทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ถ้าผิดก็พาไปตรวจใหม่ โดยเชื่อว่าแรงงานก็ต้องอยู่ในที่ตั้ง ก็ต้องมีการทำงาน อาจจะกระทบบ้าง แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะมีผลกระทบมากกว่านี้อีก” นายชัยชนะกล่าว
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า โรงพยาบาลที่จะดำเนินการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวได้ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ก่อน และจึงนำรายชื่อไปขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานอีกครั้ง
หากขาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง หรือขึ้นทะเบียนเพียงแห่งเดียว ถือว่าการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ กรณีคลินิกที่ปรากฏรายชื่อขึ้นทะเบียนตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกรมการจัดหางาน ซึ่งตามประกาศของสธ.จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว เช่นถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายและจะต้องถูกยกเลิก
ทพ.อาคม กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ดำเนินการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวโดยไม่ถูกต้อง จะต้องรับผิดชอบแก้ไข ดำเนินการเรื่องขออนุญาตตรวจสุขภาพต่างด้าวให้ถูกต้องส่วนแรงงานต่าวด้าวที่รับใบตรวจสุขภาพจากสถานพยาบาลเอกชนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจไปก่อนหน้านั้น จะต้องเข้าตรวจสุขภาพใหม่ ส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพนั้น ก็อยู่ที่แรงงาน นายจ้าง และสถานพยาบาลจะตกลงร่วมกันว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบอย่างไร
ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานีที่กรมตรวจสอบก่อนหน้า ซึ่งมีการตรวจแรงงานไปกว่า 12,00 คน ก็ได้ตกลงว่าหลังได้รับอนุญาตตรวจอย่างถูกต้อง ก็จะตรวจใหม่ทั้งหมดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหากสถานพยาบาลไม่ได้มีการตรวจสุขภาพจริงแต่ออกใบตรวจสุขภาพให้แรงงานต่างด้าว ทพ.อาคม กล่าวว่า หากมีการตรวจพบว่าโรงพยาบาล ไม่ได้ตรวจจริงแต่กลับออกใบรับรองไป จะถือเป็นความผิดมีโทษเพิ่มขึ้นเป็นจำคุก 2 ปี และมีความผิดทางอาญาฐานทำหลักฐานเท็จ จะมีการดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนด้วย และแพทย์ที่เซ็นต์ในใบตรวจสุขภาพก็จะมีความผิดด้วย เพราะไม่ว่าผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับการทำหลักฐานเท็จก็จะผิดทั้งหมด และจะส่งเรื่องให้แพทยสภา พิจารณาเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลตรวจสอบไปถึงว่ามีสถานพยาบาลเอกชนไม่ได้ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวแต่ออกใบตรวจสุขภาพให้ไป ซึ่งเรื่องนี้จะตรวจสอบได้จะต้องมีผู้เสียหาย หรือผู้ร้องเรียน หากไม่มีก็จะเป็นการสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ก็จะตรวจสอบยาก แต่หากตรวจสอบแล้วพบการดำเนินการเช่นนี้ ก็จะเอาผิดตามกฎหมายแน่นอน”ทพ.อาคมกล่าว
ทพ.อาคม กล่าวอีกว่า การเดินหน้าตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการได้รับเรื่องร้องเรียนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่ามีการตรวจแรงงานต่างด้าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจากการขยายผลพบว่ามีสถานพยาบาลที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสบส.จำนวนมาก