หัวกะทิ กับ หางกะทิ ต่างกันอย่างไร? เผยประโยชน์ที่ควรกินแต่พอดี
น้ำกะทินิยมใช้ในอาหารไทยและทั่วโลก โดยเกิดจาก การสกัดสารสกัดจากเนื้อมันในเนื้อมะพร้าว (Cocos nucifera) โดยที่มะพร้าวจะถูกนำมาปอกเปลือกนำเนื้อมาคั้นกรองเป็นน้ำกะทิ น้ำมันที่ได้จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันกะทิ น้ำมันกะทิเป็นส่วนที่หนาของน้ำมันมะพร้าว มักมีกลิ่นหอมและรสชาติหวานมัน ขณะที่ไทยนั้นได้นำกะทิมาใช้ในอาหารและขนมหวานไทยที่หลากหลายและเป็นที่นิยม เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและความหอม หวาน มัน อาทิ แกงเขียวหวาน พะแนง วุ้นกะทิ กล้วยบวชชี เป็นต้น
“มะพร้าว” ประโยชน์ตั้งแต่ผลยันราก ข้อแนะนำในการกินน้ำมะพร้าว
เทคนิคเลือกไข่ไก่สดใหม่ เสริมโปรตีนคุณภาพดี แนะกินอย่างไรให้ผอม?
กะทิมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ อิเล็กโทรไลต์ โพแทสเซียม แคลเซียม และกรดไขมันอิ่มตัว อีกทั้งยังมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางค์ และผลิตภัณฑ์ความงามอื่น ๆ เนื่องจากคุณสมบัติในการเพิ่มความนุ่มนวลให้กับผิวพรรณ
หัวกะทิ กับ หางกะทิ ต่างกันอย่างไร?
- หัวกะทิ : น้ำกะทิที่ได้จากการคั้นมะพร้าวครั้งแรก ซึ่งผสมน้ำเพียงเล็กน้อย หรือบางที่อาจไม่ผสมเลย เป็นกะทิที่มีความเข้มข้นสูงที่สุด นิยมใช้หยอดหน้าขนม หรืออาหารต่างๆ
- หางกะทิ : น้ำกะทิที่ได้จากการคั้นมะพร้าวครั้งที่ 2-3 มีปริมาณน้ำผสมอยู่มากกว่า ความเข้มข้นของกะทิจึงลดลง นิยมนำไปผสมในขนม
- กะทิแตกมัน : การนำกะทิไปตั้งไฟจนเดือด ไขมันในกะทิแยกตัวลอยขึ้นมาเป็นน้ำมันบนผิว ส่วนมากนิยมใช้กับการทำแกงเผ็ด เช่น แกงเขียวหวาน แกงแดง
ถึงจะมีประโยชน์มากมายแบบนี้แต่อย่าลืมว่ากะทิมีไขมัน และอาหารหรือของหวานที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบมักมีน้ำตาลสูง ควรบริโภคแต่พอเหมาะ กินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์