ธปท.คลายเกณฑ์ เปิดทางแบงก์ต้ัง AMC ดึงนอนแบงก์ร่วมสางหนี้ครัวเรือน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าในการขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม จัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC (Asset Management Company) เพื่อรองรับการโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)จากระบบสถาบันการเงิน เข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยขณะนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทิศทางการดำเนินการชัดเจนหมดแล้ว และคาดว่ากระบวนการต่าง ๆ จะสามารถเริ่มต้นได้โดยเร็ว
นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้ว กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างหาแนวทางเพื่อให้ การจัดตั้ง AMC ครอบคลุมไปถึงหนี้เสียของผู้ให้บริการทางการเงินนอกระบบธนาคาร (นอนแบงก์) ด้วย แม้จะยอมรับว่า ปัจจุบันกฎหมายยังไม่ครอบคลุมการดำเนินงานในส่วนนี้ แต่จะเร่งพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้กลไกการบริหารหนี้สามารถครอบคลุมทุกภาคส่วน
สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจบางแห่ง ที่อาจไม่มีความพร้อมในการจัดตั้ง AMC ของตัวเองนั้น กระทรวงการคลังได้เตรียมพิจารณาเพิ่มศักยภาพของ ARI-AMC ของธนาคารออมสินที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถรองรับการบริหารจัดการหนี้ได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น
นายลวรณกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อ ธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ที่เคยเป็นอุปสรรคในการจัดตั้ง AMC ของธนาคาร ทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งรู้สึกคลายกังวล ที่จะเดินหน้าจัดตั้ง AMC เพื่อช่วยลดภาระหนี้เสีย และสามารถบริหารงบดุลของตนเองได้ดีขึ้น
“เรื่องนี้มีอิมแพคค่อนข้างมาก ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังในการบริหารจัดการหนี้ครัวเรือน เพราะดำเนินการจริงจัง จับต้องได้ และทุกฝ่ายร่วมมือกันดี วันนี้ธปท. ยอมคลายเกณฑ์ให้แล้ว ก็ตั้งเลย ตรงนี้จะช่วยให้แบงก์สบายตัวขึ้น เพราะการมี AMCจะช่วยปลดล็อกภาระหนี้เสียของสถาบันการเงิน ทำให้สามารถกลับมาปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คือสิ่งที่กระทรวงการคลังอยากเห็น เพราะสถาบันการเงินคือกลไกหลักในการหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณากลไกช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ติดเครดิตบูโร ซึ่งปกติจะถูกบันทึกประวัติเป็นเวลา 36 เดือน โดยแนวทางใหม่จะมีการ แบ่งกลุ่มลูกหนี้ตามศักยภาพ (จัดกลุ่มตามสี) พร้อมทั้ง ลดระยะเวลาการติดเครดิตบูโรเหลือเพียง 6 เดือน หากลูกหนี้สามารถผ่านกระบวนการฟื้นฟูได้ ซึ่งในระหว่างนั้น ธนาคารจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ดูแลฟื้นฟูทางการเงินให้ และหากพิจารณาแล้วว่าลูกหนี้ดังกล่าวยังมีศักยภาพก็สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ต่อได้เลย โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้นในเดือน ส.ค. 2568
"ภายหลังได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว จะมีการรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ แม้ไม่ใช่การออกกฎหมาย แต่ถือเป็นการปรับเกณฑ์เพื่อให้การดำเนินงานเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น"