โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ราชาเก่ากับนักปฏิวัติ: Apple เชื่อ AI ไม่แทนที่ไอโฟน ด้าน Meta มองว่าโลกต้องเปลี่ยน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประวัติศาสตร์เทคโนโลยีเต็มไปด้วยเรื่องราวของ “ราชา” ที่หล่นจากบัลลังก์ ไอบีเอ็ม (IBM) เคยครองตลาดคอมพิวเตอร์ในยุคเมนเฟรม แต่พลาดจังหวะเมื่อพีซีถือกำเนิด โนเกีย (Nokia) เคยเป็นแบรนด์โทรศัพท์ที่ทุกคนรู้จัก แต่ล่มสลายเมื่อสมาร์ตโฟนมาถึง ส่วน แบล็กเบอรี (BlackBerry) ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ความเท่ห์ของนักธุรกิจยุค 2000 แต่สุดท้ายก็ล่มสลายเพราะไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค

คำตอบของคำถามนี้กำลังแบ่งโลกเทคโนโลยีออกเป็นสองขั้วอีกครั้ง หนึ่งคือ แอปเปิ้ล (Apple) ที่ยังเชื่อมั่นในความสำคัญของสมาร์ตโฟน อีกหนึ่งคือ เมตา (Meta) ที่ต้องการปลดปล่อยมนุษย์จากหน้าจอ

แอปเปิ้ลยืนยันว่าโลกยังต้องมีไอโฟน

ณ ไตรมาสล่าสุดของปี 2025 รายได้ของแอปเปิ้ลแตะ 124,300 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดขายไอโฟนเริ่มแผ่ว รายได้จากจีนร่วง ขณะที่หุ้นยังเดินหน้าช้าๆ ท่ามกลางคำถามใหญ่ “แอปเปิ้ลพลาดจังหวะเอไอหรือกำลังรอเวลาที่เหมาะสม?”

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของบริษัท ยืนยันอย่างมั่นใจว่า “เอไอจะไม่เข้ามาแทนที่ไอโฟนในเร็วๆ นี้” และอธิบายเพิ่มเติมว่า ไอโฟนนั้นทำหน้าที่หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อคนให้คุยกันได้ การเปิดโอกาสให้เล่นแอปและเกม ถ่ายภาพและวิดีโอ ช่วยให้ผู้ใช้สำรวจโลก จัดการเรื่องการเงินและจ่ายเงิน รวมถึงการใช้บริการต่างๆ อีกมากมาย ทำให้เขามองไม่เห็นภาพว่าโลกจะไม่มีไอโฟนไม่ออก

แม้ว่าแอปเปิ้ลจะกำลังคิดพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่บ้าง แต่คุกเชื่อว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะมาเป็นตัวช่วยหรือ “อุปกรณ์เสริม” ที่ใช้คู่กับไอโฟนมากกว่าที่จะมาแทนที่ไอโฟนโดยตรง เช่น แว่นตาอัจฉริยะ หรือ AI Assistant อื่นๆ จะเป็นอุปกรณ์เสริมที่ทำให้การใช้งานสมบูรณ์ขึ้น

ในมุมนี้แอปเปิ้ลไม่ได้ปฏิเสธเอไอแต่เลือกที่จะค่อยๆ ผสานมันเข้ากับโครงสร้างเดิม โดยยังรักษาบทบาทนำของไอโฟนเอาไว้ ปรับโดยไม่ทำลาย เปลี่ยนโดยไม่ปฏิวัติ และยึดตำแหน่งราชาเก่าไว้ให้มั่น

Ray-Ban Smart Glasses

เมตาบอกว่าโลกไม่ควรยึดติดกับโทรศัพท์

ขณะที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของเมตากลับเห็นต่าง เขามองว่าสมาร์ตโฟนเหมือนกับ “กรงขัง” เป็นจอเล็กๆ ที่เราต้องแตะ ต้องกด ต้องพกตลอดเวลา และถึงเวลาแล้วที่มนุษย์ควรมีอวัยวะดิจิทัลแบบใหม่ที่ปลดปล่อยจากหน้าจอ

สิ่งที่เมตากำลังลงทุนคือ “แว่นตาอัจฉริยะ” ที่สามารถมองเห็น ได้ยิน และเข้าใจผู้ใช้ได้แบบที่สมาร์ตโฟนทำไม่ได้ และแว่นตาเหล่านี้จะเป็นอุปกรณ์ที่เอไอใช้เพื่ออยู่กับเราได้ตลอดเวลา

ซักเคอร์เบิร์กไม่ได้พูดถึงแค่เทคโนโลยี เขากำลังพูดถึงจริยธรรมใหม่ของการใช้เทคโนโลยี โลกที่เราไม่จำเป็นต้องก้มหน้า โลกที่เอไอเข้าใจเราโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “Personal Superintelligence” หรือเอไอส่วนบุคคลที่ฉลาดกว่าผู้ช่วยใดๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้

ความต้องการของซักเคอร์เบิร์กคือ แว่นตาที่ไม่ต้องพึ่งพาหน้าจอสมาร์ตโฟน ผู้ใช้สามารถสั่งงานเอไอด้วยเสียง และรับข้อมูลผ่านหูฟังหรือหน้าจอเล็กๆ ในเลนส์ ยกตัวอย่างเช่น กำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า แว่นตาจะบอกว่าร้านไหนมีของที่ต้องการ ราคาเท่าไหร่ มีส่วนลดไหม โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลย

‘เมตา - แอปเปิ้ล’ กับประวัติศาสตร์แห่งการแข่งขัน

การแข่งขันระหว่าง แอปเปิ้ล vs เมตา ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการแย่งชิง “ตำแหน่งผู้นำทางวัฒนธรรม” ย้อนกลับไป 17 ปีที่แล้ว สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เปิดตัวไอโฟนครั้งแรกในปี 2007 ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ซักเคอร์เบิร์กกำลังสร้าง Facebook ให้เติบโตจากเว็บไซต์ในมหาวิทยาลัย สู่เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มใช้ Facebook ผ่านแอปมากกว่าเว็บไซต์ หมายความว่า แอปเปิ้ลกลายเป็นคนควบคุมช่องทางหลักที่ผู้ใช้เข้าถึง Facebook, Instagram และ WhatsApp ของซักเคอร์เบิร์ก

สิ่งที่ทำให้ซักเคอร์เบิร์กหงุดหงิดมากที่สุดคือ กฎของ App Store ที่แอปเปิ้ลเก็บค่าคอมมิชชัน 30% จากการขายทุกอย่างในแอป ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของในเกม การสมัครสมาชิกพรีเมียม หรือการโฆษณา

เช่น หาก Facebook มีรายได้จากการโฆษณาในไอโฟน 1,000 ล้านดอลลาร์ แอปเปิ้ลจะเก็บไป 300 ล้านดอลลาร์ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป

ด้วยความไม่พอใจนี้ ซักเคอร์เบิร์กจึงพยายามสร้างสมาร์ตโฟนของตัวเอง ชื่อ “Facebook Phone” ในปี 2013 แต่โครงการนี้ล้มเหลว เพราะตลาดถูกแบ่งระหว่างไอโฟนของแอปเปิ้ล และแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิลไปแล้ว

หลังจากโทรศัพท์ล้มเหลว ซักเคอร์เบิร์กหันไปเดิมพันกับ Virtual Reality และเมตาเวิร์ส (Metaverse) โดยซื้อบริษัท Oculus ในราคา 2 พันล้านดอลลาร์ เขาเชื่อว่าโลกเสมือนจะกลายเป็นอนาคตของการใช้คอมพิวเตอร์

หลังจากลงทุนไปแล้วกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ VR ยังไม่ได้รับความนิยมจากคนทั่วไปเท่าที่คาด ส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นของเล่นสำหรับนักเล่นเกมมากกว่าเครื่องมือในชีวิตประจำวัน

เมตาลงทุนจริงจัง

เมตาจ่ายเงินเดือน 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อดึงผู้เชี่ยวชาญเอไอระดับท็อปสุดมาร่วมงาน เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น วิศวกรเอไอทั่วไปได้เงินเดือนปีละ 300,000-500,000 ดอลลาร์ หากแต่ผู้เชี่ยวชาญเอไอระดับท็อปที่เมตาต้องการได้ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี นั่นหมายความว่า เมตายินดีจ่ายแพงกว่าคนทั่วไปถึง 200 เท่า เพื่อได้คนเก่งมา

ทำไมถึงจ่ายแพงขนาดนี้? เพราะเมตาเข้าใจว่า “เอไอ” คือหัวใจสำคัญของแผนนี้ หากไม่มีคนเก่งพอมาสร้างเอไอที่ฉลาดกว่า สิริ (Siri) ของแอปเปิ้ลแล้วแผนทั้งหมดก็จะล้มเหลว

แอปเปิ้ลกับจังหวะเอไอที่ช้ากว่า

ในช่วงที่เอไอกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แอปเปิ้ลถูกวิจารณ์ว่า ปล่อยฟีเจอร์เอไอช้ากว่าคู่แข่งอย่างเมตาหรือ โอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่า แอปเปิ้ลอาจเสียเปรียบในระยะยาว

เจคอบ บอร์น (Jacob Bourne) นักวิเคราะห์จาก EMARKETER มองว่า แอปเปิ้ลมีจุดแข็งในการเน้นคุณภาพสินค้ามากกว่าการเร่งปล่อยฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งถ้าบริษัทยังคงลงทุนวิจัยและพัฒนาเอไออย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ยังคงได้เปรียบในตลาดสินค้าระดับพรีเมียม

แต่ขณะเดียวกัน แดน ไอเวส (Dan Ives) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านเทคโนโลยีของ Wedbush ชี้ว่า แอปเปิ้ลยังต้องชัดเจนกับ “กลยุทธ์เอไอ” ของตัวเอง เพราะตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังเร่งพัฒนาเอไออย่างรวดเร็วและจริงจังมากกว่า เช่น เทียบกับเมตาและโอเพนเอไอที่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

แอปเปิ้ลรายงานรายได้ไตรมาสแรกของปีการเงินใหม่ ที่ 124,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่แล้ว เป็นสถิติใหม่ของบริษัท และเกินคาดการณ์เล็กน้อย แต่รายได้ในตลาดจีนที่สำคัญ กลับลดลงเหลือ 18,510 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 21,570 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคุกบอกว่ามาจากการปรับลดสต็อกในช่องทางจำหน่ายถึงกว่า 11%

รายได้จากไอโฟนอยู่ที่ 69,140 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 71,040 ล้านดอลลาร์ แต่กำไรต่อหุ้นออกมาสูงกว่าคาดที่ 2.40 ดอลลาร์

มุมมองนักวิเคราะห์: แอปเปิ้ลตกขบวนหรือรอจังหวะ?

เมื่อถูกถามถึงเรื่อง ดีปซีก (DeepSeek) ในการประชุมกับนักวิเคราะห์ คุกตอบอย่างระมัดระวัง โดยชี้ว่า “นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งที่ดี” พร้อมกับย้ำว่าบริษัทใช้แนวทางลงทุนอย่างรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด โดยยังยึดโมเดลผสมผสานระหว่างการลงทุนและการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า วิธีนี้ช่วยให้แอปเปิ้ลเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง

คำตอบของคุกสะท้อนถึงความกังวลในหลายประเด็น เช่น ต้นทุนการพัฒนาเอไอที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ความเร็วในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่ที่ช้ากว่า และการแข่งขันจากผู้เล่นหน้าใหม่ โดยเฉพาะจากจีน ที่เริ่มเข้ามาท้าทายในตลาดนี้อย่างจริงจัง

นอกจากปัญหาเรื่องเอไอแล้ว แอปเปิ้ลยังต้องติดตามความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตไอโฟนในจีน

แม้จะเผชิญปัญหาหลายด้าน แอปเปิ้ลก็ยังมีจุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทยังเติบโตได้ดี ธุรกิจบริการ (Services) ของแอปเปิ้ลซึ่งประกอบด้วยบริการเช่น App Store, iCloud, Apple Music, Apple TV+, Apple Care และโฆษณา เติบโตขึ้นถึง 14% เป็นรายได้ 26.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด

พร้อมกับกำไรขั้นต้นสูงถึง 75% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และนี่คือรายได้ส่วนที่ไม่ได้พึ่งพิงการขายฮาร์ดแวร์โดยตรง ทำให้แอปเปิ้ลมีฐานรายได้ที่มั่นคงและแตกต่างจากคู่แข่งอย่างเมตาหรือกูเกิลที่ยังต้องพึ่งพิงโฆษณาเป็นหลัก

สงครามระหว่างแอปเปิ้ลกับเมตาไม่ต่างอะไรกับสงครามระหว่าง “จักรพรรดิผู้ปกครองอาณาจักรมั่นคง” กับ “นักปฏิวัติที่เชื่อว่าโลกต้องเปลี่ยน” โดยทั้งสองบริษัทกำลังเดิมพันกับอนาคตที่แตกต่างกัน แอปเปิ้ลเชื่อว่า ไอโฟนจะยังคงเป็นศูนย์กลาง พร้อมเทคโนโนโลยีเสริม ส่วนเมตาเชื่อว่าแว่นตาอัจฉริยะจะเปลี่ยนวิธีที่เราใช้เทคโนโลยี

ถ้าไอโฟนเคยเปลี่ยนโลกเมื่อปี 2007 แล้วใครกันจะเป็นผู้เปลี่ยนโลกในปี 2030? และคนทั่วไปจะได้อะไรจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น หรือสุดท้ายจะกลายเป็นเพียงผู้ใช้อุปกรณ์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ “โลกของเขา” ไม่ใช่ของเรา

อ้างอิง: The Wall Street Journal, Business Insider และ Apple Insider

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ขอวีซ่าท่องเที่ยว 'อเมริกา' อ่วม สหรัฐจ่อเก็บเงินประกันเฉียดครึ่งล้าน!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภท.จี้สภาฯ หนุนญัตติยกเลิก เอ็มโอยู2543-44 ตั้งกมธ.ชงรัฐบาลประชามติ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจาะลึกข้อตกลงภาษีสหรัฐ 19% CPF มองโอกาสปรับแผนธุรกิจ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'อนุทิน' ย้อนเกล็ด 'ภูมิธรรม' มาตรฐานเดียวกัน 'อัลไพน์-เขากระโดง'

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

โตชิบาเดินหน้ากลยุทธ์รีเทล เปิด Flagship Store ใหม่ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์คุณภาพญี่ปุ่น

สยามรัฐ

ทรูคอร์ปอเรชั่น โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิ 2.0 พันล้าน ทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

สยามรัฐ

ไม่ต้องกลัวลืม...จ่ายค่าผ่านทางพิเศษ แค่สมัคร Easy Pass วันนี้ แถม! รับเงินคืน 50 บาท

สยามรัฐ

บอร์ด INSET ไฟเขียวควักเงิน 78 ลบ. ซื้อหุ้นคืน 40 ล้านหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“ดร.กอบศักดิ์” ชี้ภาษีทรัมป์ 19% ไทยได้เปรียบ แนะรัฐอุ้ม SME-เกษตร รับมืออนาคต

ข่าวหุ้นธุรกิจ

MTC รับดอกเบี้ยสินเชื่อพุ่ง ดันกำไร Q2 โต 14% แตะ 1.6 พันล้านบาท

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ครบรอบ 1 ปี ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Black Monday จากวิกฤต Yen Carry Trade

Finnomena

WGE คว้างานใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 1.69 พันลบ. ดันแบ็กล็อกแตะ 4 พันล้าน รุกตลาดโรงแรม

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...