ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ ห่วงภาษีสหรัฐฯ กระทบ SME หวั่นสินค้านอกทะลักตลาดไทย แนะต้องเร่งเจรจา
วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 — ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Money & Banking Awards 2025 ว่าการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อาจสร้างแรงกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ที่มีความเปราะบางสูง และอาจได้รับผลกระทบจากการที่สินค้าจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดไทย
แม้ ธปท. ไม่ได้อยู่ในคณะเจรจาฯ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับรายการสินค้าที่เจรจาได้ แต่ได้ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ
กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลจากการเปิดเสรี
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าทะลัก โดยเฉพาะในหมวดเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วน SME สูงที่สุด
กลุ่ม SME มีความเปราะบางมากกว่ากลุ่มที่ส่งออก เพราะฝ่ายหลังมักเป็นบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทขนาดใหญ่ ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว
ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติย้ำว่า รัฐบาลไทยควรเร่งสรุปการเจรจาให้ ครบ จบ และชัดเจน พร้อมเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นแนวทางบรรเทาหรือการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ตอนนี้เราเริ่มเห็นประเทศอื่นทยอยออกมาเจรจากับสหรัฐฯ แล้ว แม้จะยังไม่มีรายละเอียด แต่ก็สะท้อนว่าเราควรเร่งเจรจา และเตรียมแผนรองรับอย่างเป็นระบบ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ ดร.เศรษฐพุฒิ ชี้ว่า ยังต้องจับตามองคือประเด็น สินค้าส่งผ่าน (Transshipment) ที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ท่ามกลางกระแสการค้าเสรีและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติระบุว่า ประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นการเพิ่ม มูลค่าเพิ่ม (Value Added) มากกว่าการมองแค่ตัวเลขส่งออกหรือการลงทุนในระยะสั้น
นี่เป็นโอกาสสำคัญของไทยในการเร่งปรับตัว ยกระดับการแข่งขัน ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่คือโครงสร้างเศรษฐกิจโดยรวม
ดร.เศรษฐพุฒิ ทิ้งท้ายว่า การสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงในระยะยาว ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งให้กับ SME ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในระบบเศรษฐกิจไทย