คลัง เร่งหน่วยงานสรุปผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ชงแพ็กเกจเยียวยาเข้าอนุกลั่นกรองฯ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเดินหน้าผลักดันมาตรการรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ โดยเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 19% กับสินค้าไทย พร้อมจัดทำแพ็กเกจเยียวยาแบบเจาะจงกลุ่ม เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการอนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงเหลืออยู่
แม้อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สำหรับสินค้าไทยจะชัดเจนแล้วที่ 19% แต่ยังจำเป็นต้องวิเคราะห์เชิงลึกต่อไปว่า กลุ่มอุตสาหกรรมใดได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และควรได้รับการเยียวยาแบบไหน โดยหน้าที่หลักในการดำเนินการอยู่ที่กระทรวงเจ้าสังกัด เช่น กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และ BOI ซึ่งต้องเร่งประเมินผลกระทบในทุกมิติ
“เราขอให้ทุกกระทรวงรวบรวมข้อมูลเป็นชุดแพ็กเกจเสนอความช่วยเหลือโดยเร็ว แล้วส่งให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณา ก่อนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ และเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 เพื่อรับมือผลกระทบจากภาษียังเหลืออยู่ราว 24,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2569 จะมีอีกประมาณ 25,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้ต่อเนื่องได้"
นอกจากนี้ นายลวรณ ยังกล่าวถึงรายละเอียดเชิงเทคนิคของการเจรจาการค้า เช่น เรื่อง สัดส่วนการผลิตในประเทศ (Local Content) และ เกณฑ์มูลค่าภูมิภาค (RVC – Regional Value Content) ซึ่งยังไม่ชัดเจนและเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายประเทศ จึงต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ร่วมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร ซึ่งอาจมีคอนเทนต์สูงในบางรายการ แต่ต่ำในบางรายการ จึงยังไม่สามารถกำหนดกรอบแน่ชัดได้ในตอนนี้
“การเจรจายังไม่จบ การบ้านยังไม่เสร็จ โดยเฉพาะมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) หรือสินค้าประเภท Transshipment ก็ยังไม่มีเกณฑ์สุดท้ายออกมา มีเพียงอัตราภาษี 19% ที่ชัดแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นยกแรกเท่านั้น”
สำหรับภาคเกษตร นายลวรณมองว่า นี่คือโอกาสสำคัญที่ไทยควรใช้เพื่อปรับโครงสร้างเกษตรกรรมอย่างจริงจัง มากกว่าการเยียวยาระยะสั้น เนื่องจากโครงสร้างเดิมไม่เอื้อต่อการแข่งขัน โดยใช้คนมาก ใช้พื้นที่มาก แต่ได้ผลผลิตต่ำ มีสัดส่วนต่อ GDP เพียงราว 8% เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เคยกล่าวว่า การอยู่ในภาคเกษตรอย่างไม่มีประสิทธิภาพย่อมไม่ยั่งยืน จึงเห็นว่าควรใช้โอกาสนี้ปฏิรูปภาคเกษตร เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 กระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการใหม่ คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.2% ภายใต้สมมติฐานว่าภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะอยู่ที่ช่วง 18–20% ซึ่งเป็นอัตราที่ไทยสามารถปรับตัวได้ โดยประมาณการดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 2.0% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 1.8%