BGRIM ชี้ฟิลิปปินส์-เกาหลีใต้ หนุน COD ไฟฟ้าเพิ่ม 430 เมก
#BGRIM #ทันหุ้น – BGRIM พบสัญญาณลูกค้าอุตสาหกรรมดีขึ้นโดยเฉพาะภาคยานยนต์ หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2568 ที่คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากรายได้ค่าบริการที่เข้ามา และโครงการที่เริ่ม COD โดยวินด์ฟาร์ม 365 เมกะวัตต์ในเกาหลีใต้ และโซลาร์อีก 65 เมกะวัตต์ในฟิลิปปินส์ ดีเดย์กดปุ่มก่อนสิ้นปี 2568 นี้ ส่วนโครงการ Data Center เดินหน้าลุยเจรจาลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเดิมเพิ่มพอร์ต
นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 มีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยบริษัทประเมินจากการรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นและมีรายได้ค่าบริการที่เข้ามามากขึ้นด้วย สนับสนุนโดยแนวโน้มลูกค้านิคมอุตสาหกรรม (IU) คาดว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการต่างๆ คลายกังวลนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้จากสหรัฐอเมริกาชัดเจนไปแล้ว ซึ่งกำหนดประเทศไทยอัตรา 19%
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบอีก 20-30 เมกะวัตต์ จากครึ่งปีแล้วทำไปแล้ว 20 เมกะวัตต์
@ปัจจัยหนุนการเติบโต
นอกจากนี้ในครึ่งปีหลัง 2568 จะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาได้แก่ Nakwol 1 offshore wind farm ในเกาหลีใต้ ขนาด 365 เมกะวัตต์ และ ARECO solar power plant ในฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่ม COD ในไตรมาส 4/2568
และยังมีโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อาทิ INSEE B.Grimm solar ขนาด 80 เมกะวัตต์, Zhongce Rubber solar rooftop ในนิคมอมตะซิตี้ ระยอง ขนาด 35 เมกะวัตต์ และ 386 Solar rooftop ขนาดกำลังการผลิต 18.8 เมกะวัตต์
ส่วนความคืบหน้าโครงการ Data Center ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนหาลูกค้ามีการเจรจากับทั้งรายใหม่และรายเดิม ซึ่งกระบวนการต่างๆ ทั้งการขอใบอนุญาตและการสนับสนุนทางการเงินยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้อยู่
ทั้งนี้มี Data Center หลายแห่งให้ความสนใจอย่างมากที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลดีต่อ BGRIM เนื่องจากบริษัทมีพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจดังกล่าว
@บริหารอัตราแลกเปลี่ยน
พร้อมกันนี้ประเมินค่าก๊าซมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 310-330 บาทต่อล้าน BTU อีกทั้งบริษัทจะปรับสูตรค่าไฟฟ้าให้มีส่วนเชื่อมโยงกับค่าก๊าซ (Gas-Linked) สำหรับลูกค้านิคมอุตสาหกรรมที่ PPA กำลังจะหมดอายุ และลูกค้าใหม่
ส่วนกรณีผลการขาดทุนจากอัตราแลกในงบไตรมาสที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับทรงตัวจึงประเมินจากนี้อัตราแลกเปลี่ยนจะไม่มีผลกระทบมากนัก บริษัทมีทั้งหนี้สินที่เป็นดอลลาร์ และสินทรัพย์ที่เป็นการปล่อยกู้ให้บริษัทลูกในต่างประเทศซึ่งสินทรัพย์ที่ปล่อยกู้มีมากกว่าหนี้สิน
ทั้งนี้บริษัทมีการทำป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยทั้งโดยตรงกับสกุลเงินต่างๆ และโดยอ้อมลักษณะ Natural Hedge คือการจับคู่สินทรัพย์และหนี้สิน
@จับตาลงทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายการขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคเอเชีย, สหรัฐอเมริกา, กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก และมีโครงการกำลังพัฒนาในออสเตรเลีย แต่ในทางกลับกันสำหรับโครงการที่อาจให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเคยคาดไว้ บริษัทอาจพิจารณาทบทวนกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศลดสัดส่วนการลงทุน หรือตัดจำหน่าย ในโครงการที่มีความกังวลด้านนโยบายหรือความเสี่ยง เช่น เวียดนาม กัมพูชา และ ตะวันออกกลาง
ตัวอย่างเช่นที่ เวียดนาม บริษัทอยู่ระหว่างหารือประเด็นค่าโครงสร้างไฟฟ้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบสัญญาณที่ดี และการเจรจาน่าจะจบภายในปีนี้ แต่หากเป็นในกรณีเลวร้าย ค่าไฟฟ้าจำเป็นถูกปรับลดลง บริษัทก็อาจมีการด้อยค่าบางส่วน