“แก้วสรร” ประกาศกร้าว "พ่อติดคุก ลูกออกไป" มองควรจบระบอบทักษิณ
“แก้วสรร” ประกาศกร้าว "พ่อติดคุก ลูกออกไป" มองควรจบระบอบทักษิณ - เชื่อ ศาลรับพิจารณาคดีชั้น 14
วันที่ 28 มิ.ย. 68 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ กล่าวบนเวทีปราศรัย “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ว่า วันนี้หลายคนถามว่าจะจบอย่างไร อะไรคือเป้าหมายของการมาชุมนุมตรงนี้ ตนคิดว่าที่ทาง “ฮุน เซน” พูดมานั้นก็โอเคไม่เกิน 3 เดือน สิ่งที่ตนคิดว่าพวกเราน่าจะร่วมกันและเป็นไปได้แล้วชัดเจน คือ เอาพ่อติดคุก เอาลูกออกไป หากอุ๊งอิ๊งลาออกพรุ่งนี้แต่พ่อยังอยู่ ยังมีนายกฯ หุ่นเชิด บ้านเมืองก็จะยังเป็นแบบนี้ไปไหนไม่ได้ สิ่งที่อุบาทว์ที่สุดและเป็นมาตลอด คือ อำนาจอยู่ที่อุ๊งอิ๊งตามตำแหน่ง ความรับผิดชอบอยู่ที่อุณงอิ๊งตามตำแหน่ง ซึ่งอุ๊งอิ๊งมีแต่ความรับผิดชอบแต่ไม่มีอำนาจ นี่คือจุดชิบหาย หากอยู่ดีๆ พ่อขึ้นคุมอำนาจ คุมพรรค มีเงินทองคุมสื่อทั้งหมด บอกให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพ่อเป็นไม่ได้ เนื่องจากมีกฎหมายห้ามไว้ และลูกคนนี้ก็งี่เง่า ไม่รู้จักคิดอ่าน ชอบแต่งตัว ชอบทำซอฟพาวเวอร์ ลูกคนนี้ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร แต่ก็ยอมเป็นนายกฯ หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ตัวเองคิดอะไรไม่ออก ทุกวันอังคารเมื่อประชุม ครม. ออกมาแถลงข่าว ถามว่าบ้านเมืองไหนทำกัน มองว่านายกฯ ไม่ควรออกมาแถลงแบบนั้นทุกอาทิตย์ แต่เขาต้องการทำให้ลูกคนนี้เป็นสโนว์ไวท์ เป็นที่น่ารักสวยงาม คนรุ่นใหม่มาเลือกอย่าให้ไปเลือกสีส้ม เชื่อว่าเค้าคิดแบบนั้น แต่กลับออกมาแถลงข่าวแล้วอ่านโพย ซึ่งมองว่าสโนว์ไวท์อยู่คนเดียวไม่ได้ต้องมีคนแคระอยู่ข้างๆ บ้านเมืองกลายเป็นละคร ลิเก เมื่อเกิดปัญหาเขมรแทนที่จะยืนเป็นนายกฯ แต่กลับไม่มี ซึ่งคนเราหากมีความรับผิดชอบจะคิดอ่านจนนอนไม่หลับว่าจะทำอย่างไรดี ทิศทางไปอย่างไร ซึ่งทุกทุกอย่างควรออกจากตัวเองไม่ใช่ถามพ่อว่าจะเอาอย่างไรดี แต่เมืองไทยมีความรับผิดชอบแต่มีอำนาจ ตั้งแต่สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกพี่ชายสั่งเช่นเดียวกับสมัยนี้ อุ๊งอิ้งค์ อยู่ในความรับผิดชอบแต่ไม่มีอำนาจ ความคิดก็ไม่มีเมื่อเจอปัญหาอะไรกลับไปไม่เป็น เพราะฉะนั้นนอกจากลูกออกไปแล้ว พ่อก็ต้องติดคุกด้วย จุดจบของระบอบทักษิณต้องมาถึง พอกันทีมาไม่รู้กี่หน เมื่อไปแล้วก็ส่งตัวใหม่มาอีก แล้วตัวเองอยู่ข้างหลังกวนบ้านกวนเมือง
นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า เสียงนี้ทั้งน้องๆ ทั้งลูกศิษย์ ทั้งที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่อยู่ในศาลฎีกา ทั้งที่อยู่ใน ป.ป.ช. ทั้งที่อยู่ใน กกต. พยานหลักฐานชัดเจนหมดแล้ว ปล่อยให้คดีชั้น 14 ยืดเยื้อเป็นปีแต่ยังไม่ทำอะไร ครอบงำพรรคชัดๆ ตนมองว่าชื่อจริงของ ก.ก.ต. ตอนนี้ไม่ใช่คณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่คือ ‘กูเกาตูด’ ไม่ทำอะไร ฉะนั้นขอเรียกร้องผู้รับผิดชอบในงานทางกฎหมาย อย่านึกว่าตัดสินไปแล้วเขาจะหาว่าเราอยู่ข้างนั้นข้างนี้ หากคิดแบบนั้นตนขอพูดตรงๆ ว่า มีศาลไว้ทำ***อะไร ตนอยากให้เลิกคิดแบบนี้ รักในความเป็นธรรม พวกเราขอเรียกร้องไปยังกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระทั้ง ว่า เอาพ่อติดคุก และในเดือนกรกฎาคมนี้มีอีกหลายคดี ที่ขมวดเข้ามาแล้วฉะนั้นคดีแรกที่นายกฯ จะโดน คือ วันที่ 1 กรกฎาคม วุฒิสมาชิกใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญยื่นข้อเรียกร้องให้ถอดถอน ว่ามีมีความผิดต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่รักษาเกียรติศักดิ์ ศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และเชื่อว่าวันที่ 1 จะรับพิจารณาแน่นอน หรือศาลอาจสั่งพักตำแหน่งชั่วคราวหรือไม่
“บ้านอื่นเมืองอื่น ถ้านายกไปทำความผิดเป็นส่วนตัวไม่ใช่การยุบสภา แต่คือลาออก ลาออกก็ผิดต่อความไว้วางใจของประชาชนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วที่เราบอกไปยังพรรคการเมืองทั้งหลายให้ออกจากรัฐบาลได้ เรากำลังบอกต่อพรรคการเมืองว่า มึงอย่าผิดต่อความไว้วางใจของกู มึงเป็นคนให้ความไว้วางใจอุ๊งอิ้งค์ เมื่ออุ๊งอิ้งทำผิดต่อความไว้วางใจของชาติ พวกคุณต้องรับหน้าที่ถอนความไว้วางใจจากการร่วมรัฐบาล นี่คือข้อเรียกร้องของเรา บ้านนี้เมืองนี้ถึงเวลาที่ต้องเห็นหัวประชาชนบ้าง “
นายแก้วสรร ระบุอีกว่า สิ่งที่ตนอยากพูดและเสนอก็ชัดเจนว่าพ่อต้องติดคุก ลูกต้องออกไป ตนอยากเสนอเป็นส่วนสุดท้าย มันเกิดอะไรขึ้น ฮุน เซน เป็นอัไร ก็ต้องลงกันแล้วว่าจะเจรจาปันเขตแดน มันเรื่องอะไรที่เอาลูกไล่มาร้องเพลงชาติที่ปราสาทตาเมือนธม มันเรื่องอะไรที่มาขุดหลุมตรงช่องบก พอเราเอาทหารไปทำหน้าที่ก็เกิดการปะทะกันขึ้น แล้วบอกว่าเสียชีวิตหนึ่งศพ แต่พอไปดูกลับไม่เห็นศพ ในขณะที่บ้านเมืองจนจะแย่อยู่แล้ว เราแค่ตรวจการผ่านด่านเท่านั้น เขากลับบอกให้ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต ตนอยากรู้ว่าทำทำไม วันนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรหรือจะเกลียด ฮุน เซน อย่างไรก็แล้วแต่ แต่ขอว่าต้องเห็นใจคนเขมร โชคร้ายที่เสาหลักของแผ่นดินสถาบันกษัตริย์ตัดสินใจสละราชบัลลังก์ลงไปเป็นนายกรัฐมนตรี จรปัจจุบันนี้สถาบันกษัตริย์มีแต่คนที่ตั้งคือ สมเด็นฮุน เซน บ้านเมืองของเขาตอนนี้ไม่มีประชาธิปไตย มีแต่การข่มเหง ทุกคนเงียบ