สมาคมบล.ตั้งเพดานจำกัดปล่อยกู้ ผ่านแพลตฟอร์มSDEPทุกสิ้นวันเริ่ม 1 ก.พ 69
จาก 5 หน่วยงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กองบัญชาการตารวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ได้แถลงการดำเนินการคดีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE พร้อมยกระดับการทำงานร่วมกันเพื่อตลาดทุนไทยไปแล้วนั้น
ด้านผู้เสียหายมากที่สุดคือโบรกเกอร์ 10 รายที่ปล่อยวงเงินกู้ซื้อหุ้น (มาร์จิน) ด้วยการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันแค่หุ้นเดียวคือ MORE ให้กับ “อภิมุข บำรุงวงศ์” หรือ เสี่ยปิงปอง ทำรายการสั่งซื้อหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ราคา 2.90 บาท มูลค่า 4,350 ล้านบาท (10 พ.ย.65) ปรากฎครบกำหนด T+2 หรือวันที่ 14 พ.ย. 2565 ซึ่งจะต้องนำเงินและหุ้นดำเนินการเคลีย์ริ่งโดยตัวกลาง คือ โบรกเกอร์ กลับผิดนัดชำระเงิน หรือ ไม่มีเงินมาจ่ายค่าหุ้นเกินขึ้นจนนำไปสู่การฟ้องร้อง
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กล่าวว่า จากคดี MORE สมาคมเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่สำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลให้กับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกที่ได้รับความเสียหาย ตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดเหตุการณ์ของการกระทำความผิด จนสามารถรวบรวมหลักฐานในการร้องทุกข์กล่าวโทษได้ รวมทั้งเพิ่มมาตรการเพิ่มเติมจำนวนมากและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายใต้ข้อจำกัดของธุรกิจ เพื่อไม่ให้เกิดเคสดังกล่าวในอนาคต
ทั้งการกำหนดช่องทางการซื้อขายผ่าน NVDR ที่ออกแบบให้เฉพาะต่างชาติพบว่ามีคนไทยอาศัยช่องทางดังกล่าวในการซื้อขายไม่ต้องรายงาน กำหนดไม่ให้คนไทยซื้อขายผ่านช่องทางนี้ มาตการ Auto Pause รายหลักทรัพย์ร่วมกับทางตลท. ไม่ให้เกิดการจับคู่ซื้อขายผิดปกติและมาตรการล่าสุด Securities Data Exchange Platform (SDEP)
โดยนำข้อมูลเพื่อทำความรู้จักกับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ด้วยการรวมเครดิตวงเงินปล่อยกู้ให้ลูกค้าเป็นรายบุคคลจากทุกโบรกจำกัดเฉพาะลูกค้าที่ขอวงเงินเครดิตเพิ่ม หากเป็นลูกค้าที่มีวงเงินเก่าไม่ต้องมีการรายการและเป็นการรายงานทุกสิ้นวันเพื่อจะทำให้ทุกโบรกเห็นข้อมูลนำไปประเมินแต่ละโบรกจะพิจารณาปล่อยวงเงินเครดิตภายใต้ความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
จากเดิมโบรกแต่ละรายจะต่างคนต่างปล่อยวงเงินกันเงินกันเอง แต่ข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละรายได้รับเครดิตวงเงินไปเท่าไร มีความเหมาะสมกับฐานการเงินหรือไม่ ซึ่งกระบวนการดำเนินการต้องใช้เวลาถึง 2 ปี จัดตั้ง Platform การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Decentralized เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์รับทราบข้อมูลลูกค้าที่มีความเสี่ยงในระดับอุตสาหกรรม
ทั้งข้อมูลวงเงิน คุณภาพหลักประกัน มูลหนี้ และประวัติการชำระราคา ด้วยการจัดตั้ง Platform การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Decentralized คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1 ก.พ. 2569
“ว่าง่ายๆเกณฑ์มีความเข้มในการให้วงเงินกับลูกค้าที่ขอเพิ่มวงเงินเครดิตเพิ่มขึ้น โดยทางสมาคมและสมาชิกจะมีตัวเลขกำหนดเพดานเอาไว้หากแตะระดับดังกล่าวจะต้องส่งข้อมูลในแพลตฟอร์ม SDEP เพื่อให้ทุกโบรกเห็นว่าลูกค้าชื่อดังกล่าวมีการขอวงเงินเพิ่ม เพราะโบรกเกอร์ต้องนำไปพิจารณาดูว่าควรให้วงเงินเครดิตอย่างไรในการบริหารความเสี่ยงบริษัท ”