โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

'รามาธิบดี'มุ่งพัฒนานวัตกรรม ATMP ลดต้นทุนการรักษาให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงได้จริง

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เข้าสู่ ทศวรรษที่ 7 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์รวมองค์ความรู้ระดับนานาชาติ ผ่านความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้และนวัตกรรมสู่มาตรฐานสากล ผลักดันไทยขึ้นเป็นผู้นำด้านการแพทย์ในอาเซียน

ล่าสุดปี 2567 ได้เปิดศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยาใจกลางกรุงเทพฯ คาดว่าจะเปิดเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2568 และเตรียมก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อรองรับการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจรในอนาคต พื้นที่แห่งความหวังสำหรับผู้ป่วยและสังคมไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์อัจฉริยะครบวงจร

และในอนาคตยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมการรักษาด้วยเซลล์และพันธุกรรม (ATMP) ผ่านศูนย์ CTMED ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อผลิตและเพาะเลี้ยงเซลล์ซึ่งใช้เป็น “อาวุธ” ในการรักษาโรค เช่น มะเร็ง และโรคทางพันธุกรรม โดยมีเป้าหมายคือการลดต้นทุนการรักษาให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงได้จริง

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าย้อนว่า คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อส.ค. 2508 และเปิดอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีในปี 2512 ก้าวสู่บทบาทศูนย์กลางการรักษาและการศึกษาทางการแพทย์ของประเทศ อาทิ ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ (2537) และอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ (2554)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

โตสวนกระแส! เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ‘ศัลยกรรมไทย’สู่ Medical Hub เอเชีย

‘เมืองแพทย์สุดล้ำ’ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ 6.9 แสนล้าน ดันจีดีพีโต 3.39%

ย่านนวัตกรรมโยธีการแพทย์ครบวงจร

เพื่อรองรับผู้ป่วยซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ในปี 2560 ได้เปิดสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ รองรับ 400 เตียง และเป็นศูนย์เรียนรู้ของบุคลากรการแพทย์ และปี 2567 ได้เปิดศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา ใจกลางกรุงเทพฯ คาดว่าจะเปิดเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2568 และเตรียมก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อรองรับการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจรในอนาคต

“ปัจจุบันโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ให้บริการผู้ป่วยนอกปีละกว่า 2-2.5 ล้านครั้ง และผู้ป่วยในกว่า 60,000ราย โดยมีค่าความซับซ้อนของโรค (Case Mix Index) เฉลี่ย 3.3 สูงที่สุดในประเทศไทย สะท้อนบทบาท “โรงพยาบาลปลายทาง” ที่รองรับผู้ป่วยที่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลทั่วไป”

ศูนย์ CTMED รักษาด้วยเซลล์และพันธุกรรม (ATMP)

ตลอด 60 ปี ได้ผลิตแพทย์กว่า 10,000 คน หรือราว 200 คนต่อปี รวมถึงแพทย์เฉพาะทางในสาขาสำคัญอย่างศัลยกรรมเปลี่ยนอวัยวะ โรคหัวใจ มะเร็ง และกุมารเวชศาสตร์ ส่งผลให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพการรักษาของไทยสู่ระดับนานาชาติ และผลงานวิจัยของคณาจารย์ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำทั่วโลก และถูกนำไปพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยอย่างต่อเนื่อง

ในด้านการรักษายังเป็นผู้นำด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยมีการปลูกถ่ายไตกว่า 3,000 รายมากที่สุดในประเทศ และปลูกถ่ายไขกระดูกกว่า 2,000ราย รวมถึงการผ่าตัดซับซ้อน เช่น การปลูกถ่ายหัวใจและปอดพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดและยีนบำบัด รักษาโรคทางพันธุกรรมอย่างธาลัสซีเมีย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

และในอนาคตยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมการรักษาด้วยเซลล์และพันธุกรรม (ATMP) ผ่านศูนย์ CTMED ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อผลิตและเพาะเลี้ยงเซลล์ซึ่งใช้เป็น “อาวุธ” ในการรักษาโรค เช่น มะเร็ง และโรคทางพันธุกรรม โดยมีเป้าหมายคือการลดต้นทุนการรักษาให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงได้จริง

การรักษาด้วยวิธีพันธุกรรมได้เริ่มมีการพัฒนาแล้ว และโรงพยาบาลรามาธิบดีมีความร่วมมือกับต่างประเทศในหลายกรณี แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษายังค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรและองค์ความรู้ไปยังประเทศตะวันตก ซึ่งค่ารักษาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อราย

ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียจำนวนหลายแสนคน การรักษาด้วยอัตราค่าใช้จ่ายเช่นนี้จึงไม่สามารถครอบคลุมผู้ป่วยทั้งหมดได้ ดังนั้น หากเราสามารถวิจัยและพัฒนาวิธีการผลิตและรักษาด้วยพันธุกรรมบำบัดให้มีต้นทุนที่เข้าถึงได้ จะทำให้ผู้ป่วยชาวไทยที่เกิดมาพร้อมโรคนี้มีโอกาสหายขาดและกลับมาใช้ชีวิตเช่นคนปกติได้มากขึ้น

นวัตกรรมโยธี-Smart Hospital

เพื่อบูรณาการศักยภาพของหน่วยงานด้านการแพทย์ สนับสนุนการศึกษา และขับเคลื่อนงานวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ จึงต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โครงการ“อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางข้อจำกัดของพื้นที่เดิมและอาคารหลักอายุเกิน 60 ปีที่ ภายใต้แนวคิด User-Centric Design ผสานเทคโนโลยี AI การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และงานวิจัยขั้นสูง เพื่อรองรับการรักษาในยุคดิจิทัล

บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ พื้นที่ใช้สอย 278,000 ตารางเมตร พร้อมระบบ Smart Hospital เพื่อการวินิจฉัยและรักษาแบบจำเพาะบุคคลอย่างแม่นยำ เสริมด้วยมาตรการความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งโครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือน เทคโนโลยีกักเก็บควันไฟ ระบบลิฟต์ ลดความแออัดและการแพร่เชื้อ ตลอดจนแอปพลิเคชันแผนที่ภายในอาคาร เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

Medical Hub แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ กล่าวว่าคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งหวังที่จะเป็นคณะแพทย์ที่มีความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ชั้นนำทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคเอเชีย อาทิ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อทำให้องค์ความรู้ของคณะสามารถเชื่อมโยงและนำไปใช้ได้ในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ประเทศไทยจะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน

พร้อมกันนี้ ยังเสริมรากฐานการแพทย์ของประเทศด้วยหลักสูตร “แพทย์ไฮบริด” อาทิ หลักสูตร “แพทย์นวัตกรรม” ที่เรียนควบปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตและวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต เพื่อสร้างแพทย์ที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์และ AI เข้ากับการรักษา รองรับการแพทย์ยุคใหม่ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ และพร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่ ภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดียังมี “มูลนิธิรามาธิบดีฯ" ก่อตั้งจากวิสัยทัศน์ของ ศ.เกียรติคุณ นพ. ดร.อารีย์ วัลยะเสวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สนับสนุนการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง งานวิจัยขั้นสูง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ และสนับสนุน โครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” พื้นที่แห่งความหวังสำหรับผู้ป่วยและสังคมไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์อัจฉริยะครบวงจร มีเทคโนโลยีล้ำสมัยกับการดูแลที่เข้าถึงได้ทั่วถึง เสริมศักยภาพการแพทย์ของประเทศสู่มาตรฐานสากล โดยมีเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะก้าวสู่‘ศูนย์กลางแห่งการให้’ ที่ทุกคนเข้าถึง สัมผัส และมีส่วนร่วมได้อีกด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ปรากฏการณ์ ‘เกษียณก่อนอายุ’ แนวทางอยู่รอดโลกการทำงาน ‘ยุคเอไอ’

30 นาทีที่แล้ว

2568 ปีที่เต็มไปด้วยสัญญาณบวกของการพัฒนาอุตสาหกรรมหนังไทย

40 นาทีที่แล้ว

ผู้ท้าชิงประธานเฟด 'เจมส์ บูลลาร์ด' เสนอลดดอกเบี้ยปีนี้ '1%'

47 นาทีที่แล้ว

เรียก 72 มาแค่ 18 ดีเอสไอขู่ดำเนินคดีพยาน เมินให้ถ้อยคำคดีฮั้ว สว.

53 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

ปลูกถ่ายไขกระดูก ความหวังของผู้ป่วยมะเร็งเลือด

TNN ช่อง16

ฮีทสโตรกไม่เลือกฤดู เคสไรเดอร์ตับ-ไตวาย กล้ามเนื้อสลาย ชีวิตแขวนบน ICU

Amarin TV

รพ.จุฬาฯ ใช้เทคโนโลยี Impella System เครื่องปั๊มหัวใจที่เล็กที่สุดในโลก ช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจ

TNN ช่อง16

4 แหล่งโปรตีนคุณภาพเพื่อผู้สูงอายุ ฟื้นฟูกระดูกและกล้ามเนื้อ

PPTV HD 36

5 วิธีดูแลสุขภาพจิตในที่ทำงาน ช่วยคลายเครียด แก้หมดไฟ

PPTV HD 36

ม.ศรีปทุม เร่งสร้าง SMEs-สตาร์ทอัพพันธุ์แกร่ง เรียนพร้อมลงมือสร้างธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ

หมดยุคที่ 'ผู้นำ' เก่งคนเดียว โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

กรุงเทพธุรกิจ

สูตร 3 P 'Hewitt Consulting' สู่ความสำเร็จ บริษัทที่ปรึกษาสร้างความยั่งยืน

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...